สวัสดีครับท่านผู้อ่านวันนี้ว่างเลยอยากเขียนอีกซักหนึ่งบทความ วันนี้ก็วันพุธแล้ว
อยากจะให้คุณๆท่านๆ ออกมาทำเรื่องดีๆเพื่อตนเองและสังคมกันครับทำอะไรง่ายๆ
ในบ้าน นอกบ้านกับเพื่อนร่วมงาน จะได้เติมเต็มความสุขใจให้ตนเองด้วยครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า .. วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องของ
"ความเป็นจริง" อะไรคือความเป็นจริง ?
ความเป็นจริงคือการรับรู้ผ่าน ตา หู ปาก จมูก ลิ้น และ ร่างกาย แล้วประมวลผลการรับรู้
ออกมาเป็นสิ่งที่เราเข้าใจผ่านสมอง ทำให้เรามองเห็นสิงต่างๆอย่างที่เราเห็น รู้สึกอย่าง
ที่เรารู้สึก แล้วตอบรับสิ่งต่างๆออกมาตามความรู้ึสึกนึกคิดของเรา
โลกแห่งความเป็นจริงของเรามันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงได้เพราะเราคิดว่ามันเป็นจริง
ผ่านสติของเราเท่านั้นไม่ใช่ประสาทสัมผ้สของอวัยวะใดใด อวัยวะต่างๆเป็นเพียงสื่อที่
จะทำให้ส่วนประกอบของภาพหรือรูปแบบการรับรู้ของเราแจ่มชัดขึ้นในแบบที่เรา "คิด"
ทำไม่ต้องแบบที่เราคิด ?
ทั้งๆที่การรับรู้โดยตรงนั้นแทบไม่ต้องใช้ความคิดเพียงแต่ใช้แค่ความรู้สึกเท่านั้น สัมผัสทุกอย่าง
และรับรู้มันได้โดยตรง ความคิดเป็นเรื่องของการประมวลตัดแต่งเพิ่มเติม ลดทอน ส่งเสริม ใส่
ทัศนะคติที่ดี ที่เลว ชอบ ไม่ชอบ เกลียด รัก มีความสุข ความทุกข์ ตรงนี้คือส่วนที่สมองจะทำงาน
ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นต้องทำงานก็ได้การรับรู้ที่ออกมาก็จะมีความบริสุทธิ์กว่ามาก เพราะมันคือการ
รับรู้ผ่านการทำงานของอวัยวะส่วนนั้นโดยตรงเลย สมองไม่มีหน้าที่อะไรเลยด้วยซ้ำที่จะนำสาร
นั้นมาดัดแปลงลงมาใส่ในความคิดและจิตใจของเรา
หน้าที่ของสมองมีเอาไว้คิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหา คำนวนสิ่งต่างๆ ใช้ตรรกะ เอาตัวรอดในสถานการณ์
ต่างๆได้ ใช้เหตุผลเพื่อทำให้ิ่สิ่งต่างๆตั้งอยู่้ด้วยกันให้ได้ ไม่มีปัญหาใดใด เราลองมานึกกันเล่นๆดูครับ
ว่าถ้าเราใช้สมองเดิมๆของเรา แต่ตาของเราไม่ใช่ตามนุษย์ แต่เป็นตาของแมลงวันมาตั้งแต่เกิด มันจะ
เกิดอะไรขึ้นครับ แน่นอนว่าตาของแมลงวันสามารถมองได้ไวกว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้น
การรับรู้ด้วย
ตาของแมลงวันและสมองของมนุษย์ เมื่อทำงานร่วมการรับรู้ความจริง ที่แตกต่างออกไป คนๆนั้นจะ
เป็นทุกอย่างเป็นภาพช้า (ภาพ Slow) มีการขยับร่างกายได้ไวกว่าปกติ เพราะด้วยการรับรู้ที่แตกต่างไป
จากตาของมนุษย์ปกติ ความเข้าใจ การเรียนรู้สิ่งต่างๆก็กลายเป็นเรื่องอื่นๆไปเลย เขาจะกลายเป็นคน
บ้าท่ามกลางหมู่คนปกติไปเลย ผมถึงบอกว่าตากับสมองเป็นตัวกำหนดสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง
ของเราคนเดียวเท่านั้น !
เอาอีกซักหนึ่งตัวอย่างหนึ่งครับ สมมุติว่าผมมองเคยเห็น UFO มองเห็นวัตถุทรงกลมคล้ายยานที่มี
แสวงสว่างออกมาจากตัวเองบินอยู่ในเวลากลางคืน แค่กับคนที่ไม่เคยเห็นเข้าจะบอกว่าผมบ้าทันที
หรือจะเกิดอาการสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดถึงว่ามันคืออะไร เพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบ
เดียวกัน ความจริงของผมเลยไม่ใช่ความจริงของคนอื่นๆ เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไรผมก็เคยเห็น
สามารถอธิบายรูปร่างและวิธีการเคลื่อนที่ เวลาสถานที่ ได้อย่างชัดเจน แต่ทว่ากับคนที่ไม่เคยเห็น
เหมือนกับที่เราเห็นเขาก็จะไม่เข้าใจ กลายเป็นเราไปอำเขาตลกๆ ทั้งๆที่เราเห็นมันจริงๆ
ความจริงของแต่ละคนจะสามารถเข้าใจได้ด้วยสิ่งเดียว ไม่ใช่ประสาทสัมผัส แต่เราสามารถรับรู้ได้
ผ่านสิ่งเดียวคือ
"สติ" ถ้าคุณฟังอาจารย์สอนในห้องเรียนตลอด โดยไม่ฟังเพื่อนข้างๆเม้าท์เรื่องต่างๆ
ให้ฟังรับรองได้ว่าเพื่อนในห้องของคุณก็แทบจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพราะสติของคุณจับอยู่กับการสอน
ของอาจารย์เลยไม่ได้ยินว่าเพื่อนเรากำลังพูดอะไร และการรับรู้นั้นแหละครับคือความจริงของเรา
บางครั้งความจริงที่ว่านี้มันก็อยู่ในความฝัน ความฝันทุกครั้งที่เรารู้สึกว่ามันจริงเหลือเกินทั้งๆที่เรากำลัง
หลับอยู่หลายๆอย่างเกิดขึ้น ทั้งฝันดี ฝันร้าย อยู่กับคนที่รัก ถูกไล่ล่า ทุกอย่างเหมือนจริงยังกับเรา
อยู่ตรงนั้นจริงๆก็เ้พราะว่ามันจริงของเราไงครับ ! คุณเคยง่วงนอนมากๆแล้วต้องฝืนไม่นอนมั้ยล่ะครับ
มันจะมีอาการ "กึ่งหลับกึ่งตื่น" คือ ฝันในขณะที่กำลังลืมตา จะมีความคิดไม่พึงประสงค์โผล่เข้ามา
เพราะเราเหนื่อยๆมากๆ มีเสียงอะไรผ่านเข้ามา ทั้งๆที่ไม่มีเสียงอะไร แต่กลับเป็นเีสียงในหัวของเรา
เพราะเหนื่อยๆมากจนความจริงกับความฝันเริ่มมารวมกันและในทีุ่สุดคุณก็จะง่วงนอนมากจนหลับไป
อาการนี้มาจากการไหน ? แล้วทำไมมันรู้ึสึกจริงเหลือเกิน ทั้งๆทีตาของเราก็ลืมอยู่แต่มองอะไรได้พร่่า
มัว หูของเราก็ได้ยินอยู่แต่กลับได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาจากภายนอกแทน ฉนั้นความจริงของเราก็ไม่ได้
มาจากภายนอกเสมอไป ความจริงคือการรับรู้ผ่านสติ แม้จะไม่ได้เป็นแบบภาพที่ลูกตาเราเห็นแต่
สามารถเข้าใจได้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คืออะไร ตรงนี้ต่างหากคือความเป็นจริง
คนเรามันบ้าพอๆกัน เข้าใจสิ่งต่างๆคิดสิ่งต่างๆ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ทั้งๆที่ความเป็นจริง
ที่เรามองเห็นมันก็แทบจะไม่ใช่ความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ เราเชื่อประสาทสัมผัส เราเชื่อสมอง เราเชื่อ
คนที่คิดแบบเดียวกับเรา ทั้งๆที่เขาก็เห็นความจริงๆในแบบเดียวกันแต่ก็ไม่รู้ว่ามันไม่จริง ไม่มีอะไรเชื่อ
ได้จริงๆิ่สิ่งที่เราเชื่อได้คือสิ่งที่เราใช้สติของเราเข้าไปสัมผัสมันเท่านั้น คนบ้ามีโลกของคนบ้า ความจริง
ของคนบ้านั้นแตกต่างจากเราเพราะเขามีวิธีการคิดที่เหนือจากตรรกะของสิ่งทั่วๆไปที่เรามองเห็น บาง
อย่างมันไม่มีเหตุผลสำหรับเราแต่สำหรับคนบ้ามันมีเหตุผลสำหรับเขามาก และนั่นคือความเป็นจริง
ของคนบ้าที่เขามองเห็นและคนทั่วไปก็บอกว่าเขาบ้า เพราะเขาไม่ได้รับความจริงในแบบเดียวกับเรา
ทุกวันนี้คนปกติที่ยอมรับความเป็นจริงแบบเดียวกันก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าปกติเพราะคิดว่า
ตัวเองเก่งตัวเองฉลาดที่สุด ปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองมีสัมผัสไม่ได้ว่ามันไม่มีจริง ทั้งๆที่ความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์มีความสามารถที่ไม่ละเอียดมากขนาดนั้นแต่ก็ยัง ยึดติดประสาทสัมผัสของตัวเอง ยึดติดสมองของตัวเองว่ามันเลิศเลอเชื่อได้อยู่เสมอทั้งๆที่จริงๆมันไม่ใช่ ร่วมกันเพ้อเจ้อเข้าใจว่าตนเองจะสามารถควบคุมโลก ควบคุมธรรมชาติได้ ยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ก็ไม่เคยสู้ความเป็นจริงของธรรมชาติได้เลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงของเราถูกคนอื่นๆสนับสนุนว่ามันจริงเราก็เลยชื่อมาตามๆกันว่ามันจริง บางอย่างที่เหนือธรรมชาติเวลาเราเห็นมันก็มักจะถูกปฏิเสธจากตรรกะของเราและความคิดของผู้อื่นว่ามันไม่จริงทั้งๆที่มันจริงมากเพราะมันเกิดขึ้นกับเราโดยตรงซึ่งใครก็ไม่สามารถเข้าใจในแบบที่เราเข้าใจได้ ความจริงของคนตาบอดแต่กำเนิดกับความจริงของคุณแน่นอนมันต้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับฉันใดก็ฉันนั้น !
อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !
Free Soul Studio
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/
Jam On It Official Page
https://www.facebook.com/JamOnItParty/
หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/
*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***
https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5