วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีปัญญาวิวัฒน์


ทฤษฎีปัญญาวิวัฒน์



 
 
ความกลัวเป็นสิ่งที่ที่ทําให้เกิดส่งที่เรียกว่าวิวัฒนาการ จนกระทั่งกลายมาเป็นสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอด
 
 
ลำดับขั้นในวิวัฒนาการ ! 
ความกลัว-สัญชาติญาณส่งนิสัย-สมอง- จินตนาการในการเอาชีวิตรอด-สร้างความเชื่อ-วิทยาศาสตร์
-วัตถุนิยม-กลับสู่ธรรมชาติ-เห็นสัจธรรม-มองสิ่งต่างๆตามที่เป็นจริง-หาความสงบ-ปัญญาการหยั่งรู้
 
จิต 
การได้รับข้อมูลใหม่หรือสัมผัสใหม่ส่งผลให้ความคิดเปลี่ยนไป
ไม่วันใดก็วันหนึ่งแม้เราจะไม่ชอบข้อมูลที่ได้รับมาก็ตาม
 

Network สู่ใจ
การรับสัมผัสทั้ง 5 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย)
จะนําสัมผัสทั้งหมดมารวมกันแล้วใช้ความรู้สึกจากสัมผัสที่ 6 (ใจ) เพื่อทําการ
ปรุงแต่งและบันทึกข้อมูลลงไปในความทรงจําแม้บางสัมผัสอาจจะไม่ชอบแต่
ก็สามารถเชื่อมต่อกับประสบการณ์และข้อมูลอื่นๆได้ไม่จํากัด 
 
มนุษย์จึงคล้ายตัวรับส่งข้อมูลซึ่งรับและส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา และคนเรามักจะเอาข้อมูลเก่า
(ประสบการณ์เก่า) เอามาปรุงแต่งประสบการณ์ใหม่เสมอ บางครั้งส่งข้อมูลด้วย เสียง ภาษา 
การกระทำ และ ความรู้สึกอย่างสมํ่าเสมอ มนุษย์ใช้ฐานข้อมูลเก่านํามาตัดสินเวลาในปัจจุบันขณะ
เพื่อทํานายและตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มนุษย์ไม่สามารถทํานายอนาคตจากข้อมูลเก่าได้เพราะ
ความเป็นเหตุเป็นผลของธรรมชาติซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจและทํานายได้
ดังนั้นเมื่อเราเอาประสบการณ์ดีๆมาตั้งเพื่อคาดหวังสิ่งที่ดีในอนาคตจึงไม่สําเร็จเสมอไป 
 
ดังนั้นเพื่อไม่ให้อารมณ์เราเสื่อมถอยจึงควรทําตัวเป็นเครื่องรับส่งข้อมูลที่ดี 
โดยการไม่ยึดติด ทําตัวเป็นท่อส่งนํ้าเพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่เรากําหนดไม่ได้ทั้งหมด


 
ตัวอย่าง
 
อนาคต = เหตุและปัจจัย ของ เรา + เหตุและปัจจัยในธรรมชาติ = ควบคุมผลไม่ได้ทั้งหมด
 
ปัจจุบัน = เหตุและปัจจัยเรา + สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีในขณะปัจจุบัน = ควบคุมได้ทันทีแต่ต้องควบคุมที่ใจเรา
 
อดีต = ประสบการณ์เก่า + เหตุและปัจจัยเรา = ความคิด & ความรู้สึก ที่ดีหรือไม่ดี ไม่สามารถกลับไป
                                                                     แก้ไขได้ แต่สามารถเป็นฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนา
                                                                     สิ่งใหม่ในอนาคต 
 
 
 
การควบคุมสภาพจิตใจให้เข้าใจธรรมชาติได้เป็นเรื่องสําคัญ เพียงแค่รับรู้เข้าใจแต่ไม่มีผลต่อความรู้สึก 
ภายใน เรียกง่ายๆว่า มีภูมิต้านทานทางจิตนั่นเอง !
 


อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !
Free Soul Studio 
Jam On It Official Page 
หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ใครล้มลองฟังเพลงนี้ดู !

เปิดด้วยการ์ตูน Muhamad Ali VS Superman ลองอ่านดูครับตลกดี
เขาไม่ได้กลัว Superman เลยแม้แต่นิดเดียวแถมจะยังบอกว่าจะอัดพี่ซุป
ให้ไม่ถึงกับหมอบแน่ 555





วันนี้คงไม่เขียนอะไรมากครับเพราะเมื่อวานเขียนไปเยอะแล้ววันนี้เอาเพลงเพราะๆมาฝาก
แล้วกันครับผม เป็นเพลงที่ให้พลังใจผม แรงบรรดาลใจให้ผมรู้สึกว่าต้องสู้ต่อ มาฟังกัน !





                        
                                              Bill Conti - Gonna fly now
                                         Sound track จาก ภาพยนตร์เรื่อง Rocky




                                     Bill Conti - Going The Distance (Rocky) 
                                          Sound track จาก ภาพยนตร์เรื่อง Rocky 



                                     
                                Menahan Street Band - Going the Distance 
                               ยังไม่ลืมครับสำหรับคอ Soul Funk วงนี้ Cover ได้เยี่ยม




พอจะทำให้พลังในการซ้อม การใช้ชีวิต การเรียน การทำงาน ของคุณเพิ่มขึ้นได้บ้างมั้ย
ครับ ?  ขอให้ทุกคนไปสู่จุดหมายที่ตัวเองใฝ่ฝันได้เร็วๆนะครับทุกท่านสู้ๆครับผม !!!



อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***


https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Biter ผมรึป่าว ?

สวัสดีครับเพิ่งกลับมาจาก K-Battle ได้ 1 วัน งานสนุกมากๆ แม้จะมีตะกุกตะกักมากแต่
ทีมงานและ Organizer น่ารักครับ ขอให้มีงานดีๆแบบนี้ต่อไปนะครับ เพราะถ้าพวกเรา
ไม่ทำแล้วใครจะมาทำใช่มั้ยล่ะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้งครับผม


วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องของการ Bite (การกัด ไม่ใช่สิ การ Copy ต่างหาก) ถ้าจะให้พูดกัน
ทุกวันนี้เป็นเรื่องยากนะครับที่จะแยกแยะว่าใคร copy ใครมา เพราะการเต้นสมัยนี้มันมีสื่อ
ที่รวดเร็วมาก ดู Youtube กันแป๊ปเดียวก็สามารถเห็นท่าของคนที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งได้แล้ว
และสามารถเอามาใช้ได้โดยที่คนซีกโลกนั้นไม่รู้ แต่ยังไงก็ตามถ้ามีคนถ่ายวีดีโอไปลง
เข้าของท่าก็รู้ได้ยากอยู่ดีว่าใคร copy ไปเพราะถ้าท่าที่เขาทำนั้น มันโด่งดังเป็นที่นิยม
คนเอาไปทำเยอะนั่นก็ไปแล้วล่ะครับ ไม่รู้เลยว่าใครเป็นใครสมัยนี้ คนที่จะโดดเด่นมี style
ชัดเจนจริงๆเท่านั้นถึงจะอยู่บนยอดของกอง vdo ใน Youtube ได้ !



สมัยก่อนไม่มี internet ถึงมีก็ช้าแสนช้า เวลาท่านจะเรียนเต้นอะไรก็ตามต้องไปหาอ่าน
บทความของต่างประเทศแล้วเอามาแปลเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง B-boy ไม่มีครับวีดีโอ
ถ้าจะมีก็จะมีเป็นวีดีโอเทป VHS แบบสมัยก่อนซึ่งนานๆจะโผล่มาทีให้เราได้ดูกัน ส่วน
internet คืออีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถจะดู VDO ได้ และมันก็แสนช้าครับไม่ได้เร็วว่องไว
เหมือนกับสมัยนี้ ความช้านี้มีข้อดีทำให้คนบนโลกไม่ค่อยจะเคยเห็นกัน ถึงเห็นกันใน VDO
ก็จะเห็นกันไม่บ่อย จึงทำให้ B-boy ของแต่ละภูมิภาคโดยเฉพาในอเมริกามี style ที่
แตกต่างกันเพราะไม่ค่อยได้ดูวีดีโอกัน คิดค้นท่าของตัวเอง รูปแบบการเต้นของตัวเอง
ขึ้นมาตามภาพที่ตนเองเคยเห็นใน VDO ที่เลือนลาง สมัยก่อนนั้นนอกจากอเมริกาแล้ว
ภูมิภาคอื่นๆของโลกก็เป็นเช่นกัน มีการพัฒนารูปแบบต่างๆโดยไม่เจอกันจึงทำให้มีความ
เป็นเอกลักษณ์สูง และมีอารมณ์การเต้นที่แตกต่างออกไป



"Biter" ในภาษาที่ B-boy ใช้กันนั้นแปลว่าพวกคนที่ copy ท่าของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
 ด้วยยุคสมัยที่การสื่อสารพัฒนาให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สื่อการเต้นเป็นอะไรที่หาดูได้ง่ายขึ้น
ไม่ต้องมานั่งเปิดดิคเชนารี่แปลบทความภาษาอังกฤษอีกต่อไป ไหนจะมีทั้งสอน ทั้ง VDO แข่ง
ทุกอย่างมันช่างง่ายและอยู่แค่ปลายนิ้วสัมผัส คำว่า Biter ในสมัยก่อนนั้นมันเกิดขึ้นได้จริงๆ
เพราะความเร็วในการสื่อสารที่ต่ำกว่า แต่ในปัจจุบันมันง่ายเกินคำว่า Bite บางคนถึงกับ "Xerox"
(ซีร็อก)เลยก็มีครับ คือลอกมาทั้งแผ่นเลย ไม่มีการปรับปรุงดัดแปลง หรือแก้ไขอะไรทั้งนั้น
บ้านเราทำบ่อยครับไม่ว่าจะเป็น CD, DVD, การเต้น ,รายการทีวี ,สินค้า ฯลฯ






ด้วยการสื่อสารที่รวดเร็วนี้ทำให้นักเต้นสามารถหาทริกท่าเต้นที่เขาทำไม่ได้ หาศึกษาได้ง่ายขึ้น
ดูไอดอลนักเต้นที่ตัวเองโปรดปรานได้ง่ายขึ้น ดู Battle ต่างๆได้ง่ายขึ้น แทบจะไม่ต้องซื้อ DVD
ของงานแข่งนั้นมาดูเลยทีเดียว บางทีมีถึงกับถ่ายทอดสดเป็น LIVE stream เลยก็มี ในขณะที่
B-boy ,ฺB-girl และนักเต้นในโลกมีมากขึ้น ท่าต่างๆก็ถูกเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น บางครั้งทำให้ นักเ้ต้น
คิดไม่เป็น คิดอะไรไม่ออกก็ไปดู Youtube สิ !!! ในขณะเดียวกันที่คนโบราณไม่มีอะไรดูเลย 
ใช้สมอง และจินตนาการล้วนๆ แรงบรรดาลใจท้องถิ่นล้วนๆ ต่างกับปัจจุบัน หาง่ายปาน
ฟ้าแลบ นักเต้นสมัยนี้เก่งมากขึ้นแต่ขาดอารมณ์ ขาดจินตนาการ ขาดวิญญาณ ผมไม่รู้
จะอธิบายยังไง แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ 



หลายๆท่านถูก internet สะกดจิตให้ทำตามสิ่งที่ดู สิ่งที่ชอบมากเกินไป บางครั้งการดู
เพื่อศึกษาเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่ดูมากจนเกินไปจนเอาทั้งหมดมาเป็นของตัว ไม่ได้ดูเพื่อ
ความบันเทิง บางครั้งการดูบ่อยๆเป็นการขโมยท่าโดยที่เราไม่รู้ตัว ดูมากก็เหมือนคนที่
ตัวเองชอบดูมาก Biter สมัยนี้ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ท่านอาจจะเป็นผมอาจจะเป็น
ก็ได้ใครจะรู้ ? ฉนั้นการดูมากๆคุณจะซึมมันเข้าหัวสมองของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว อยาก
ให้ดูเอาสนุกบรรดาลอารมณ์ให้อยากซ้อมเต้นจะีดีกว่าครับ แต่สำหรับคนที่พึ่งหัดก็ยังพอ
ยกเว้นได้บ้างครับผม .. 



การ Bite จริงๆไม่ได้เป็นแค่เรื่องท่าแล้วเดี๋ยวนี้ เรามองกันที่ตัวตน set ท่าและรูปแบบของการสื่อ
อารมณ์ บางครั้งถ้ามันเหมือนใครเราก็รู้ได้ทันทีว่าคนนี้เอามาจากใคร เราดูกันที่ภาพรวม ด้วย
ท่าทุกท่าที่เราเห็นจริงๆมันไม่ได้เกิดมาง่ายๆ แต่สื่ออินเตอร์เน็ททำให้มันง่ายเราเลยมองว่าทุกท่า
เป็นท่า ธรรมดาไปแล้วเมื่อทำแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่า copy อะไร กลายเป็นการเรียนรู้ไปซะงั้น !
บางครั้งเมื่อคุณหัดท่าต่างๆ ซ้อมเต้นๆๆๆๆๆๆ แล้วต้องหัดหาความรู้ประวัติของ การเต้นของตนเอง
บ้างว่าใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ใครคิด ใครทำก่อน มาจากไหน เมื่อเรารู้ที่มาของมันเราก็จะ
สามารถที่จะดัดแปลงให้เป็นรูปแบบของเราได้โดยที่ไม่ซ้ำใคร บางครั้งอาจจะซ้ำกับคนซีกโลกอื่น
บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไีรถ้าเราเห็นเขาทำแล้วเราก็เปลี่ยนก็แค่นั้นเอง !!!




สุดท้ายนี้อยากจะฝากให้นักเต้นทุกคน อย่าดู Youtube มากๆ มันมีผลกับ style ของคุณนะ
ผมแค่อยากจะบอกดูมาก เหมือนมาก ระวังจะกลายเป็น BITER ผมรึป่าว ? นะครับ อิอิ




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5



วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตาที่สาม !

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ผมหายไปหลายวันน่าจะคิดถึงกันบ้างเน่อ ช่วงนี้งานยุ่งๆ
แต่ก็ดีครับยุ่งมากก็แปลว่ามีงานทำ ไม่ยุ่งสิจะแย่ ฮ่าฮ่าฮ่า หวังว่าทุกท่านจะสบายดี
อากาศช่วงนี้กำลังเปลี่ยนระวังเป็นไข้ไม่สบายนะครับ เพื่อนผมเจ็บมาหลายศพแล้ว


มาเริ่มกันเลยดีกว่า .. วันนี้ผมได้อ่านบทความเรื่องของสมองดีมากๆเลยเป็นข้อมูลที่ผม
เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนแล้วบังเอิญมันตรงกับรูปที่เขาเอา Eye of Horus มาเทียบกับ ต่อมไพนีล
 ขออธิบายเรื่องของ ต่อมไพนีล และ Eye of Horus ก่อนว่ามันคืออะไร



Pineal Gland (ต่อมไพนีล)หรือ ต่อมเหนือสมอง ซึ่งเป็นต่อมที่อยู่ด้านล่างสุดของโพรงสมอง
ทำหน้าที่อยู่ในระบบประสาทคือการรับตัวกระตู้การมองเห็น (visual nerve stimuli) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็น ดวงตาที่ 3 ทำหน้าที่ควบคุมร่างกาย โดยทำงานร่วมกับต่อมไฮโปทารามัส (Hypothalamus) ซึ่งต่อมไฮโปทารามัส จะทำหน้าที่เกี่ยว ความหิว ความกระหาย เรื่องเซ็กส์ และนาฬิกาชีวิตซึ่งควบคุมอายุของมนุษย์ และเป็นต่อมไร้ท่อทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน








Eye of Horus 

เป็น สัญลักษณ์แทนดวงตาของเทพเจ้าของอียิปต์ที่มีความสำคัญมากองค์หนึ่ง นั่นคือ เทพฮอรัส เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าที่มีศีรษะเป็นนกเหยี่ยว มีดวงตาข้างหนึ่งเป็นดวงอาทิตย์ และอีกข้างเป็นดวงจันทร์ เราจึงเรียกสัญลักษณ์นี้ว่า ดวงตาของฮอรัส (Eye of Horus หรือ wedjat) ที่แทนด้วยดวงตาของมนุษย์ที่มีหางตาเป็นแบบของเหยี่ยว และมีลวดลายสัญลักษณ์รอบๆ ตาซึ่งบางครั้งก็มีหยดน้ำตาด้วย โดยที่คนอียิปต์โบราณจะออกเสียงเรียกสัญลักษณ์นี้ว่า “udjat”

ชาวอียิปต์โบราณ นับถือดวงตาของฮอรัสเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องคุ้มครอง และ ยังได้รับ

การ เปรียบว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรอบรู้ สุขภาพดี และความมั่งคั่ง นอกจากนี้ คนโบราณ
ยังเคารพดวงตาของฮอรัสเสมือนตัวแทนของอาณาจักรใหม่อันเป็นนิรันดร์จากฟาโรห์องค์หนึ่งไปสู่
ฟาโรห์อีกองค์หนึ่ง โดย ชาวอียิปต์เชื่อว่า สัญลักษณ์นี้มีพลังอำนาจมหาศาลและมีเวทมนตร์ที่
ส่งผลต่อการสร้างความเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันให้กับโลกที่ไม่มีความมั่นคง และแก้ไขสิ่งที่
ไม่เที่ยงธรรม รวมทั้งยังเชื่อว่า สัญลักษณ์ของสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้นี้จะช่วยในการเกิด
ใหม่อีกครั้งด้วย






ต่อไปนี้คือข้อสังเกตุครับ บังเอิญว่ามีคนเอาสองอย่างนี้มาเปรียบเทียบกัน และด้วยความหมายของมัน
มีความคล้ายคลึงกันเป็นพิเศษ เป็นเรื่องประหลาดมากสำหรับสองสิ่งนี้ที่จะเอามาตีความกัน เดี๋ยวผม
จะให้ทุกท่านชมรูปดูก่อนนะครับแล้วลองคิดดูเอาว่ามันใช่มั้ย ..



เปรียบเทียบระหว่างรูปทรงภายใจของสมองกับรูปสัญลักษณ์ของอียิปที่ชื่อว่า Eye of Horus 


มันยากที่จะเชื่อว่าสองสิ่งนี้สัมพันธ์กัน แต่ด้วยความที่ต่อมในสมองซึ่งมีหน้าที่ตามนั้น ดันมา

สอดคล้องกับความหมายของสัญลักษณ์อียิปโบราณ ด้วยความหมายที่ว่าเรื่องของการเกิดใหม่ 
การคืนชีพ  ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรอบรู้ (ปัญญารึปล่าว ?) สุขภาพดี (เพราะต่อมไพนิล
เป็นตัวควบคุมการทำงานของระบบในร่างกายที่ทำให้เราหลับในเวลากลางคืนตามธรรมชาติ เป็น
ต่อมที่เป็นเสมือนนาฬิกาของชีวิตเรา ซึ่งจะทำให้ร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ) หลายๆเรื่องที่
เปรียบเทียบมันช่างน่าตกใจ 



เพิ่มเติ่มความรู้เกี่ยวกับต่อมไพนิล !

เดิมทีสัตว์มีกระสูกสันหลัง ชนิดแรกของโลกคือตัว ซา ลามันเดอร์ มีตาอยู่ 3 ดวง ดวงตาที่ 3 เป็นเกล็ดอยู่ ตรงกลางหน้าผากคอยทำหน้าที่รับแสงตะวัน เวลา กลางวันและสร้างฮอร์โมน
ซีโรโตนิน ทำให้มันแจ่มใส ออกมาหากิน ส่วนเวลา กลางคืนนั้นจะสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ทำให้มันง่วง นอน ครั้นวิวัฒนาการจนมา เป็นคน เกล็ดนี้จมลึกเข้าไป ในหน้าผาก กลายเป็นต่อม เหนือสมอง หรือ ต่อมไพเนียล ยังคงสร้างฮอร์โมน สองชนิดนี้อยู่สลับกันทุกวัน หรือเรียกอีกอย่างว่า ต่อมนาฬิกาขีวภาพ ที่ปลุกให้เรา ตื่นในตอนเช้า และกล่อมให้ เราหลับในกลางคืนโดย อัตโนมัติ  




ตาที่สามของเรามีอยู่จริงๆ แต่มันอยู่ในหัวของเรา มันทำให้เราอยากทำนั่น อยากทำนี่่ หิว กระหาย
ในเรื่องการกินแลการผสมพันธุ์  สัญลักษณ์ Eye of Horus ยังบอกอีกว่า  สัญลักษณ์นี้มีพลังอำนาจ
มหาศาลและมีเวทมนตร์ที่ส่งผลต่อการสร้างความเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันให้กับโลกที่ไม่มี
ความมั่นคง และ แก้ไขสิ่งที่ไม่เที่ยงธรรม  ถ้าเราคิดว่าสมองและ Eye of Horus เป็นสิ่งเดียวกัน  
จะ มีนัยยะก็คือ จิตของเรา ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต สิ่งต่างๆให้ดีขึ้นหรือแย่ลงได้ อยู่ที่ว่า
เราจะคิดให้เป็นแบบไหน และจะส่งผลออกมาที่การกระทำ คำว่า สร้างความเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันให้กับโลก  น่าจะหมายความว่า เ้มื่อจิตของเราสูงขึ้น เราจะเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น และ
มองผู้คนอื่นๆสัตว์อื่นๆอย่างไม่แตกต่าง ลดในเรื่องของการเปรียบเทียบ ไม่มีการทำลายกัน ไม่มี 
การทำลาย ธรรมชาติ  ทุกสิ่งจะเป็นไปตามเหตุและผล โดยทำสิ่งต่างๆอย่างพอเหมาะรักษาสมดุลย์ 
 นอกจากนั้นถ้าตีความตามความหมาย สัญลักษณ์ของสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้นี้จะช่วยในการ
เกิดใหม่อีกครั้งด้วย ตามความหมายก็คือ เขาพยายามจะบอกว่า จิตไม่มีสิ่งใดทำลายได้ และ 
เป็นสัญลักษณแห่งการเกิดใหม่ คือ สามารถเดินทางกลับมาเกิดได้อีกครั้งหนึ่ง นี่คือความหมายที่
ผมเอาสองสิ่งนี้มาเปรียบเทียบและตีความดู ส่วนท่านๆจะคิดอย่างไรก็ อยากให้ใช้วิจารณณาณ
ในการอ่านดก่อนครับ ไม่อยากให้ท่านๆเชื่อผมเลยซะทีเดียวเพราะ คำว่าจิตมันจับต้องไม่ได้มัน
เป็นนามธรรม แต่ถ้าคุณศึกษาเรื่องของสภาวะจิตของตัวเองอยู่เสมอ ท่านอาจจะพอเข้าใจในสิ่งที่
ผมกำลังอธิบาย และเปรียบเทียบให้ท่านดูได้ชัดมากขึ้นครับผม  ต่อย่างไรก็อยากจะให้ท่านใช้
หตุผลของท่านคิดดูก่อนที่จะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นครับเพราะสิ่งที่ผมเขียนเป็นแค่ข้อสังเกตุเท่านั้น !








วันนี้ยังไงก็ขอจบการเขียนไว้เพียงเท่านี้ก่อน ใครสนใจเรื่องของอารยะธรรมอียิป วันหลัง
ผมจะไปหาข้อมูลเจ๋งๆมาอัพเดเพิ่มให้ เพราะมันไม่ธรรมดา และมีหลายๆอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับเรื่องของจิตใจของเราเลยครับผม แต่ยังไงผมว่าจิตใจเราซับซ้อนกว่า ถ้าเราเข้าใจมันก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรอีกเพราะเราจะเข้าใจตัวเอง เท่ากับเราเข้าใจทั้งจักรวาลแล้ว แล้วเจอกันบทความหน้าครับ วันนี้ผมขอลาก่อนครับ   สวัสดี !     
 
 



อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5


วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Power of Ten

สวัสดีครับวันนี้ผมคงไม่เขียนอะไรมากมายแต่แค่อยากจะฝากคลิปๆหนึ่งไว้ให้
ทุกท่านได้ชมกัน บางท่านอาจจะเคยดูแล้วแต่บางท่านอาจจะไม่เคยดูเลย
เป็นคลิปวีดีโอที่ทำในยุค 70's มีหลายคนถามถึงก็เลยอยากจะเอามาแปะไว้
ในนี้เพราะผมเห็นว่ามันดีมีประโยชน์ อยากให้ลองดูจนจบครับ ;)



คลิปนี้มีชื่อว่า Power of Ten เป็นคลิปเก่าแต่เปิดดูกี่ทีมันก็ยังใช่ เพราะความจริง
ของมนุษย์ที่ว่าเรานั้นไม่ได้สำคัญมากมายอะไรในจักรวาลเป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆของ
ระบบที่ใหญ่มาก จนเราไม่สามารถจะเข้าใจทุกๆอย่างได้ ..




 

Power of Ten 
พลังแห่งการขยาย 10 เท่า 




 ถ้าท่่านดูจบแล้วลองมาตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ชีวิตที่ใช้อยู่เนี่ยมันใช่
แบบที่ต้องการมั้ย ? เราสมควรเกลียด ควรทะเลาะกับใคร หรือ ทำสงครามกับใครรึป่าว ? 
ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย คิดว่าตัวเองเก่ง ลาภยศ สรรเสริญมันคืออะไร สรุปเราคิดไปเองทั้งนั้น บ้าไป
ด้วยกัน ไม่มีอะไรสำคัญเลย เราเล็กมากถ้าเทียบกับจักรวาล เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่กระพริบได้ ที่พยายามจะคิดครอบครองธรรมชาติ ? ทั้งๆที่เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ลองคิดดูครับว่าชีวิตนี้เราทำอะไรเพื่อใครบ้างรึยัง หรือยังโง่มองว่าคนอื่นเลว เราดี คนอื่นดี เราเลวอยู่ ทั้งๆที่ดีกับเลวมันก็เล็กเท่ากัน แล้วเราจะไปบ้าีดี บ้าเลว กันทำไม ? ลองตั้งคำถามพวกนี้ในหัวดูครับแล้วลองคิดดูว่าเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเรายังไง ..




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5



วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความเป็นจริงของความจริง !

สวัสดีครับท่านผู้อ่านวันนี้ว่างเลยอยากเขียนอีกซักหนึ่งบทความ วันนี้ก็วันพุธแล้ว
อยากจะให้คุณๆท่านๆ ออกมาทำเรื่องดีๆเพื่อตนเองและสังคมกันครับทำอะไรง่ายๆ
ในบ้าน นอกบ้านกับเพื่อนร่วมงาน จะได้เติมเต็มความสุขใจให้ตนเองด้วยครับ




มาเริ่มกันเลยดีกว่า .. วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องของ "ความเป็นจริง" อะไรคือความเป็นจริง ?



ความเป็นจริงคือการรับรู้ผ่าน ตา หู ปาก จมูก ลิ้น และ ร่างกาย แล้วประมวลผลการรับรู้
ออกมาเป็นสิ่งที่เราเข้าใจผ่านสมอง ทำให้เรามองเห็นสิงต่างๆอย่างที่เราเห็น รู้สึกอย่าง
ที่เรารู้สึก แล้วตอบรับสิ่งต่างๆออกมาตามความรู้ึสึกนึกคิดของเรา


โลกแห่งความเป็นจริงของเรามันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงได้เพราะเราคิดว่ามันเป็นจริง
ผ่านสติของเราเท่านั้นไม่ใช่ประสาทสัมผ้สของอวัยวะใดใด อวัยวะต่างๆเป็นเพียงสื่อที่
จะทำให้ส่วนประกอบของภาพหรือรูปแบบการรับรู้ของเราแจ่มชัดขึ้นในแบบที่เรา "คิด"




ทำไม่ต้องแบบที่เราคิด ?   

ทั้งๆที่การรับรู้โดยตรงนั้นแทบไม่ต้องใช้ความคิดเพียงแต่ใช้แค่ความรู้สึกเท่านั้น สัมผัสทุกอย่าง
และรับรู้มันได้โดยตรง ความคิดเป็นเรื่องของการประมวลตัดแต่งเพิ่มเติม ลดทอน ส่งเสริม ใส่
ทัศนะคติที่ดี ที่เลว ชอบ ไม่ชอบ เกลียด รัก มีความสุข ความทุกข์ ตรงนี้คือส่วนที่สมองจะทำงาน
ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นต้องทำงานก็ได้การรับรู้ที่ออกมาก็จะมีความบริสุทธิ์กว่ามาก เพราะมันคือการ
รับรู้ผ่านการทำงานของอวัยวะส่วนนั้นโดยตรงเลย สมองไม่มีหน้าที่อะไรเลยด้วยซ้ำที่จะนำสาร
นั้นมาดัดแปลงลงมาใส่ในความคิดและจิตใจของเรา

หน้าที่ของสมองมีเอาไว้คิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหา คำนวนสิ่งต่างๆ ใช้ตรรกะ เอาตัวรอดในสถานการณ์
ต่างๆได้ ใช้เหตุผลเพื่อทำให้ิ่สิ่งต่างๆตั้งอยู่้ด้วยกันให้ได้ ไม่มีปัญหาใดใด เราลองมานึกกันเล่นๆดูครับ
ว่าถ้าเราใช้สมองเดิมๆของเรา แต่ตาของเราไม่ใช่ตามนุษย์ แต่เป็นตาของแมลงวันมาตั้งแต่เกิด มันจะ
เกิดอะไรขึ้นครับ แน่นอนว่าตาของแมลงวันสามารถมองได้ไวกว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้นการรับรู้ด้วย
ตาของแมลงวันและสมองของมนุษย์ เมื่อทำงานร่วมการรับรู้ความจริง ที่แตกต่างออกไป คนๆนั้นจะ
เป็นทุกอย่างเป็นภาพช้า (ภาพ Slow) มีการขยับร่างกายได้ไวกว่าปกติ เพราะด้วยการรับรู้ที่แตกต่างไป
จากตาของมนุษย์ปกติ ความเข้าใจ การเรียนรู้สิ่งต่างๆก็กลายเป็นเรื่องอื่นๆไปเลย เขาจะกลายเป็นคน
บ้าท่ามกลางหมู่คนปกติไปเลย ผมถึงบอกว่าตากับสมองเป็นตัวกำหนดสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง
ของเราคนเดียวเท่านั้น !



เอาอีกซักหนึ่งตัวอย่างหนึ่งครับ สมมุติว่าผมมองเคยเห็น UFO มองเห็นวัตถุทรงกลมคล้ายยานที่มี
แสวงสว่างออกมาจากตัวเองบินอยู่ในเวลากลางคืน แค่กับคนที่ไม่เคยเห็นเข้าจะบอกว่าผมบ้าทันที
หรือจะเกิดอาการสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดถึงว่ามันคืออะไร เพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบ
เดียวกัน ความจริงของผมเลยไม่ใช่ความจริงของคนอื่นๆ เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไรผมก็เคยเห็น
สามารถอธิบายรูปร่างและวิธีการเคลื่อนที่ เวลาสถานที่ ได้อย่างชัดเจน แต่ทว่ากับคนที่ไม่เคยเห็น
เหมือนกับที่เราเห็นเขาก็จะไม่เข้าใจ กลายเป็นเราไปอำเขาตลกๆ ทั้งๆที่เราเห็นมันจริงๆ



ความจริงของแต่ละคนจะสามารถเข้าใจได้ด้วยสิ่งเดียว ไม่ใช่ประสาทสัมผัส แต่เราสามารถรับรู้ได้
ผ่านสิ่งเดียวคือ "สติ" ถ้าคุณฟังอาจารย์สอนในห้องเรียนตลอด โดยไม่ฟังเพื่อนข้างๆเม้าท์เรื่องต่างๆ
ให้ฟังรับรองได้ว่าเพื่อนในห้องของคุณก็แทบจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพราะสติของคุณจับอยู่กับการสอน
ของอาจารย์เลยไม่ได้ยินว่าเพื่อนเรากำลังพูดอะไร และการรับรู้นั้นแหละครับคือความจริงของเรา
บางครั้งความจริงที่ว่านี้มันก็อยู่ในความฝัน ความฝันทุกครั้งที่เรารู้สึกว่ามันจริงเหลือเกินทั้งๆที่เรากำลัง
หลับอยู่หลายๆอย่างเกิดขึ้น ทั้งฝันดี ฝันร้าย อยู่กับคนที่รัก ถูกไล่ล่า ทุกอย่างเหมือนจริงยังกับเรา
อยู่ตรงนั้นจริงๆก็เ้พราะว่ามันจริงของเราไงครับ !  คุณเคยง่วงนอนมากๆแล้วต้องฝืนไม่นอนมั้ยล่ะครับ
มันจะมีอาการ "กึ่งหลับกึ่งตื่น" คือ ฝันในขณะที่กำลังลืมตา จะมีความคิดไม่พึงประสงค์โผล่เข้ามา
เพราะเราเหนื่อยๆมากๆ มีเสียงอะไรผ่านเข้ามา ทั้งๆที่ไม่มีเสียงอะไร แต่กลับเป็นเีสียงในหัวของเรา
เพราะเหนื่อยๆมากจนความจริงกับความฝันเริ่มมารวมกันและในทีุ่สุดคุณก็จะง่วงนอนมากจนหลับไป
อาการนี้มาจากการไหน ? แล้วทำไมมันรู้ึสึกจริงเหลือเกิน ทั้งๆทีตาของเราก็ลืมอยู่แต่มองอะไรได้พร่่า
มัว หูของเราก็ได้ยินอยู่แต่กลับได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาจากภายนอกแทน ฉนั้นความจริงของเราก็ไม่ได้
มาจากภายนอกเสมอไป ความจริงคือการรับรู้ผ่านสติ แม้จะไม่ได้เป็นแบบภาพที่ลูกตาเราเห็นแต่
สามารถเข้าใจได้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คืออะไร ตรงนี้ต่างหากคือความเป็นจริง






คนเรามันบ้าพอๆกัน เข้าใจสิ่งต่างๆคิดสิ่งต่างๆ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ทั้งๆที่ความเป็นจริง
ที่เรามองเห็นมันก็แทบจะไม่ใช่ความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ เราเชื่อประสาทสัมผัส เราเชื่อสมอง เราเชื่อ
คนที่คิดแบบเดียวกับเรา ทั้งๆที่เขาก็เห็นความจริงๆในแบบเดียวกันแต่ก็ไม่รู้ว่ามันไม่จริง ไม่มีอะไรเชื่อ
ได้จริงๆิ่สิ่งที่เราเชื่อได้คือสิ่งที่เราใช้สติของเราเข้าไปสัมผัสมันเท่านั้น คนบ้ามีโลกของคนบ้า ความจริง
ของคนบ้านั้นแตกต่างจากเราเพราะเขามีวิธีการคิดที่เหนือจากตรรกะของสิ่งทั่วๆไปที่เรามองเห็น บาง
อย่างมันไม่มีเหตุผลสำหรับเราแต่สำหรับคนบ้ามันมีเหตุผลสำหรับเขามาก และนั่นคือความเป็นจริง
ของคนบ้าที่เขามองเห็นและคนทั่วไปก็บอกว่าเขาบ้า เพราะเขาไม่ได้รับความจริงในแบบเดียวกับเรา



ทุกวันนี้คนปกติที่ยอมรับความเป็นจริงแบบเดียวกันก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าปกติเพราะคิดว่า
ตัวเองเก่งตัวเองฉลาดที่สุด ปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองมีสัมผัสไม่ได้ว่ามันไม่มีจริง ทั้งๆที่ความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์มีความสามารถที่ไม่ละเอียดมากขนาดนั้นแต่ก็ยัง ยึดติดประสาทสัมผัสของตัวเอง ยึดติดสมองของตัวเองว่ามันเลิศเลอเชื่อได้อยู่เสมอทั้งๆที่จริงๆมันไม่ใช่ ร่วมกันเพ้อเจ้อเข้าใจว่าตนเองจะสามารถควบคุมโลก ควบคุมธรรมชาติได้ ยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ก็ไม่เคยสู้ความเป็นจริงของธรรมชาติได้เลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงของเราถูกคนอื่นๆสนับสนุนว่ามันจริงเราก็เลยชื่อมาตามๆกันว่ามันจริง บางอย่างที่เหนือธรรมชาติเวลาเราเห็นมันก็มักจะถูกปฏิเสธจากตรรกะของเราและความคิดของผู้อื่นว่ามันไม่จริงทั้งๆที่มันจริงมากเพราะมันเกิดขึ้นกับเราโดยตรงซึ่งใครก็ไม่สามารถเข้าใจในแบบที่เราเข้าใจได้ ความจริงของคนตาบอดแต่กำเนิดกับความจริงของคุณแน่นอนมันต้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับฉันใดก็ฉันนั้น !




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Battle กับตัวเอง

สวัสดีครับท่านผู้อ่านห่างหายไปหลายวันเป็นยังไงกันบ้างครับผมหวังว่าคงสบายดี
วันนี้มาอ่านผมฟุ้งกันหน่อยนะครับ วันนี้ขอเขียนเกี่ยวกับเรื่องการ Battle ซักหน่อย




BATTLE - สงคราม 

การ Battle ในภาษาของวัฒนธรรม Hip-Hop คือการท้าทายแข่งขันกันในเรื่องของ
ความสามารถว่าใครเจ๋งกว่า ของใครเยอะกว่า (ความสามารถใึครเยอะกว่า) เป็นการ
สู้กัีนด้วยความสามารถในเชิงของความคิด ศักยภาพในการแสดงออกถึงตัวตนของ
แต่ละคน ว่ามีอะไรที่สามารถลบล้างความสามารถของฝ่ายตรงข้ามได้บ้าง ไม่ใช่
การใช้กำลังเพียงอย่างเดียว .. 




ถ้าจะพูดถึงเรื่องของการ Battle ในวัฒนธรรมของ Hip-Hop แล้วก็จะเน้นเรื่องของความ
สามารถด้านความคิดการสื่อสารกับฝั่งตรงข้ามในเรื่องของฝีมือ ว่าใครมีไอเดียดีกว่า
ใครมีเทคนิคที่เหนือกว่า ซึ่งใน 4 Elements ของ Hip-Hop (ฺB-boy ,DJ ,Graffiti และ MC)
 แล้ว เป็นการต่อสู้ในเรื่องของตัวตนล้วนๆ ส่วนเรื่องเทคนิคเป็นสิ่งที่คนที่ทำใน Element
นั้นๆจะสามารถรู้ได้ว่าใครเก่ง ตามการรับรู้ในประสบการณ์ของแต่ละคน ในบางครั้งเป็นเรื่อง
ที่เข้าใจได้ยากสำหรับคนทั่วๆไป เพราะคนที่ทำกัีบคนที่ไม่ได้ทำจะมองกันคนละแบบเช่นว่า
คนที่คิดว่า B-boy ที่เต้นท่าตีลังกาหรือท่ายากๆ นั้นจะต้องเก่งกว่าเสมอไป ทั้งๆที่ความไหล
ลื่นการฟังเพลงอาจจะไม่มีเลยแต่ กลับไปมองภาพที่เห็นซะเป็นส่วนมาก เพราะความคิดที่
ว่า B-boy จะต้องมีท่ายากๆจะต้องตีลังกาหมุนหัว ต้องลอยได้มันอยู่ในหัวมาก่อนแล้ว แต่
อันที่จริงก็ไม่ได้ทราบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นท่าที่ปกติมากสำหรับคนที่เต้นทั่วๆไป เพราะทุกคนฝึก
แต่แค่ใครจะนำเสนออะไรออกมามากกว่าเท่านั้นเอง เพราะอีกคนอาจจะทำท่ายากได้เยอะ
มากๆก็ได้แต่แค่อยากจะนำเสนอสิ่งที่แปลกใหม่ไม่มีใครเคยเห็น ผมจึงบอกว่ามันเป็นการต่อ
สู้กันด้วยความคิด ตัวตนของแต่ละคนโดยผ่านการฝึกฝนมาตามสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัด
โดยสิ่งเหล่านั้นจะนำมาเป็นไม้ตายในการต่อสู้ของคนนั้นๆ บางครั้งอาจจะเป็นแค่เทคนิคง่ายๆ
แต่มันไม่มีใครคิดจะทำก็สามารถเป็นอาวุธทางความคิดที่สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้เหมือนกัน
บางทีความยากก็ไม่ใช่บทสรุปของการชนะแพ้เสมอไป ความแปลกใหม่ในบางครั้งที่มันใหม่
มากๆอาจจะทำให้คนดูไม่เข้าใจ เข้าหาเราไม่ถึงแต่อย่างไรก็ตามถ้าเราตั้งใจทำมันจนมันใช้ได้
เข้ากับตัวตนเราได้จริงๆ และเราถนัด สิ่งนั้นจะส่งเสริมความสามารถของเราให้พัฒนาไปอีกขั้น
ซึ่งตรงนี้สำคัญมากๆถ้าในภาษาของวัฒนธรรม Hip-Hop เราจะเรียกสิ่งนี้ว่า "Style"




ปัจจุบันการ Battle มีหลายแบบหลายลักษณะตามจุดประสงค์ต่างๆ เช่นว่า Battle เพื่อชิงรางวัล 
หรือ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ สมัยนี้การแข่งขันในเรื่องของนี้มีมากขึ้น มีเรื่องของรางวัล มีชนะ มีแพ้
มากขึ้นจนทำให้คนที่เริ่มก้าวเข้ามาู่สู่เส้นทางนี้สับสนว่าต้องทำอะไร การ Battle จริงๆไม่ได้มา
จากการที่มีใครคนหนึ่งเอาเงินรางวัลมาตั้งแล้วตั้งหน้าตั้งตาสู้กันเพื่อแย่งเงินรางวัล หรือ มีกรรมการ มานั่งตัดสินว่าใครเก่ง ใครผิด ใครถูก การ Battle จริงๆไม่มีเงินรางวัล มีแต่เรื่องระหว่างคนสองคนที่จะสามารถตัดสินกันเองได้ว่าตัวเองแพ้หรือชนะ เก่งจริงหรือไม่จริง ลึกๆเมื่อ Battle กันเสร็จก็จะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นยังไงขาดอะไร เป็นการสู้กันด้วยความเป็นตัวของตัวเอง และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะรู้ผล เพราะมันคือการสู้กับตัวเอง แต่มีคนอีกคนมาแข่งๆกับเราเพื่อเป็นเครื่องชีวัดว่าเรามีความามารถมากน้ิอยขนาดไหน เป็นการ Battle เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่พิสูจน์ให้คนอื่นรู้ว่าเราเก่งไม่ได้พิสูจน์ให้คนอื่นรู้ว่าเราต้องได้รางวัล มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะการแข่งขันมันเป็นแค่เกมส์ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราพัฒนาฝีมือ แต่ไม่ได้แปลว่าการแข่งขันงานใดงานหนึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก โลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่มีฝีมือแต่ไม่ยอมออกมาแข่งก็มี บางคนหลงโลกมองว่าการแข่งขันพวกนี้เป็น Battle จริง เลยไปเอาจริงเอาจังคาดหวังกับงานแข่งมากจนเกินไป จนทำให้ตัวเองเสียสูญหลงทาง จนหาตัวเองไม่เจอว่าตัวเองชอบอะไรก็มีเยอะแยะไป เลยทำอะไรได้ไมุ่สุดซักอย่างเพราะมัวแต่มานั่งคิดโทษว่าคนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี กรรมการแย่ กรรมการห่วย แต่ไม่เคยรู้ว่าใจของตัวเองต้องการอะไร ดังนั้นแข่งกี่ 10 กี่ 100 งาน ก็ไม่มีทางเข้าใจตัวเองได้ เพราะเอาใจไปผูกกับสิ่งภายนอกมากจนเกินไป ทั้งๆที่ตัวเองก็มีความสามารถแต่ไม่เคยคิดถึงตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง แล้วใครจะมาทำเพื่อคุณ ในเมื่อคุณยังไม่รู้จักตัวเอง จะให้คนอื่นเขามารู้จักคุณในแบบของคุณเองได้ยังไง ?







Battle ที่แท้จริงคือการสู้กับตัวเอง สู้กับความกลัว ความคิด ความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ สู้กับเหตุการณ์
เฉพาะหน้าที่ไม่คาดฝัน คู่ต่อสู้ของคุณคือเงาที่สะท้อนความกลัวของคุณออกมาผ่านสิ่งที่คุณทำ ใคร
ที่พลาดไปคิดถึงเงาของตัวเองมากเกินไปก็เสียสติเสียสูญในการต่อสู้ในแต่ละครั้งได้ คนที่แพ้ส่วนใหญ่
คือคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ตามเกมส์คนอื่น ตามความกลัวของตัวเองไปจนกระทั่งมันกลัวขึ้นมาจริงๆ มันก็
เลยพลาดพลั้งเสียที "ตัวของตัวเอง"    



การสู้กับใจตัวเองเป็นสิ่งที่ยากที่สุดยากยิ่งกว่าการสู้กับภาพที่เรามองเห็นซะอีก !




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คิด + ทำ = แม่เหล็ก !

สวัสดีครับท่านผู้อ่านห่างไปเสียนานไม่ได้ Update เลย เป็นอย่างไรกันบ้างครับหวังว่าคงจะสบายดี
มีความสุขกันทุกคน อากาศก็เริ่มเปลี่ยนฝนในกรุงเทพฯก็ไม่ค่อยตกแล้ว ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วย
นะครับ  ;)




คุณเชื่อเรื่องแรงดึงดูดเกี่ยวกับความคิดรึป่าว ? 




ยิ่งคิดถึงมันมากเราก็ยิ่งเข้าใกล้มันมากขึ้น ..


ได้พบเจอได้สัมผัสมันมากขึ้น .. 


มีความเชื่อมโยงโดยบังเอิญ .. 


บางครั้งก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันมีที่มาอย่างไร .. 



ความคิดของเราเป็นเสมือนแม่เหล็กจริงๆ ถึงแม้แต่จะแค่คิดแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย
มันก็ยังคงได้พบสิ่งนั้นอยู่ดีอาจจะเป็นแค่ภาพ คำพูด การฟัง ความคิดของเราจะ
ปักทัศนะคติแบบนั้นลงไปในสมองของเราว่า วันนี้นายต้องเจอมัน


ตัวอย่างเช่น 

ช่วงนี้ผมชอบแชร์รูปสาวรัสเซีย ฝรั่ง  อยู่ดีๆชีวิตมันก็เริ่มอินเตอร์ ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ 
มีเพื่อนมาจากรัสเซีย มาหลาย คนหลายกลุ่ม หลายเที่ยว ญี่ปุ่น แคนาดา แขก สเปน 
มาหมด มาแบบงงๆเบลอๆ มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เรียกได้ว่าไม่ค่อยได้พูดภาษาไทย
เลยวันๆ 


เรื่องราวต่างๆมันถูกดึงดูดให้เราเข้าไปทำอะไรเหล่านั้นพัวพันกับคน กับสังคม กับอะไรมากมาย
ที่เราคิดทั้งๆที่ บางอย่างเราไม่ได้คิดถึงมาก แต่ลึกๆก็คิดอยู่ในใจ หรือบางอย่างที่เราคิดทุกวัน
มันผลิตสิ่งที่เรียกว่า แม่เหล็ก ขึ้นมาดึงหัวของเราเข้าไปติดกับสิ่งเหล่านั้นอย่างน่าแปลกประหลาด
คนที่บอกว่าอยากได้นั้นได้นี่ แต่เอาแต่พูดไปเรื่อยแบบไม่ได้จริงๆจังมันก็จะได้ แต่แรงดูดมันจะเบาๆ
ตามความไม่ใส่ใจของเรา คิดถึงมาก จริงจังมาก ดูดมาก คิดถึงน้อย จริงจังน้อย ดูดน้อย มันไม่ใช่
แค่กระแสความคิดอย่างเดียว ความคิดพวกนี้มักจะพาเราให้ไปทำในสิ่งที่เราคิดอยากจะได้ อยากจะทำ
อย่างเช่น อยู่ดีๆผมก็อยากพูดภาษารัสเซียเป็นขึ้นมา ทั้งๆที่จริงๆไม่เคยคิดจะสนใจเรียนเลยแต่ชอบ
ประเทศนี้ตรงที่ว่า สาวสวย ในเกมส์วางแผนการรบโซเวียตมันเท่ห์ดี พูดภาษาัอังกฤษห้วนๆติด ร เรือ
แบบมีสไตล์ แต่สิ่งที่ผมพล่ามมาทั้งหมดนี้กลายเป็นเหตุผลรองไปทันที เพราะท่านได้เห็นเหตุผลหลักของผมอยู่ตรงคำแรกแล้วว่า "สาวสวย" ทุกอย่างจบแค่คำนั้นและนั่นแหละคือแกนความคิดของเรา และมันจะมีเหตุผลอื่นพ่วงตามมากับความไม่มั่นใจในคำตอบ หรือ ต้องการหลบเลี่ยงความคิดของตัวเองให้ผู้อื่นรู้นั่นเอง !



จากประสบการณ์ของผมการแค่คิดบางคนบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่เกิดประโยชน์ อาจใช่ครับแต่ไม่ใช่ทั้ง
หมดสำหรับผม คนเราแค่เริ่มคิดมันก็เยี่ยมแล้วเพราะแรงบรรดาลใจทำให้แม่เหล็กในหัวเราทำงานแล้ว
เมื่อมันทำงานมันก็จะค่อยๆเริ่มหาวิธีทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ แม้บางความคิด
ที่สมองผลิตออกมาจะใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ถ้าความคิดนั้นมีความแข็งแรงพอ มีพลังงานที่เรียกว่า
"ความรู้สึกดี" มากพอมันก็ยังจะสามารถขับเคลื่อนความคิดให้กลายเป็นความจริงได้ แต่ยังไงซะเราก็
ยังต้องการพลังงานในการขับเคลื่อนความคิดอยู่ดีดังนั้นผลของสิ่งนี้มันจะอยู่ที่ ประสบการณ์ เหตุ
ปัจจัยต่างๆ ที่ความคิดใช้และแสดงออกมาผ่านการกระทำว่ามันประมวลผลได้แบบไหน บางครั้ง
ความคิดของเราอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดจนสามารถดึงทุกอย่างที่เราต้องการเข้ามาหาเรา แต่ว่า
ถ้าเราเข้าใจกฏธรรมชาติของการคิด เราจะเข้าใจหลักการทำงานของมัน กระบวนการคิดของเราถ้าหากเรายิ่งไปย้ำมันมากๆแล้วไม่ทำแสดงว่าเราแค่คิดอยากจะพูดเฉยๆ ไม่ได้อยากลงมือทำจริงๆนั่นคือ"ความคิดที่ไม่แท้" ดังนั้น "ความคิดที่แท้" จะทำงานต่างกันคือหลังจากคิดแล้วจะไปออกที่การกระทำในแง่ของการปฏิบัติเลย จะไม่คิดซ้ำไปมา การซ้ำความคิดมากๆมันจะทำให้เราเบลอและยิ่งงุนงงสับสนกับความคิดพวกนั้น และยิ่งคิดๆๆๆๆๆๆ ก็จะยิ่งลืมๆๆๆๆ เพราะธรรมชาติของมันเป็นแบบนั้น ยิ่งกระตุ้นมันมันไม่ใช่ยิ่งจำนะครับ แต่มันกลับทำให้ยิ่งลืมง่าย เพราะเมื่อเราเจอความคิดใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาแทรกของเก่าก็ตกประเด็นไปเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจแล้วล่ะครับ แต่ถ้าเราคิดแล้วทำเลย มันจะให้ผลที่แตกต่างแม่เหล็กจะทำงานได้มากขึ้นเพราะเราแสดงเจตจำนงของเราผ่านการกระทำไม่ใช่ "คำพูด"







ความคิดไม่มีเสียง เว้นแต่ว่าเราจะออกเสียงมัน !!! 

 
การพูดบ่อยๆเป็นอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์ การทำบ่อยๆตามความคิดที่เราตั้งใจ เกิดประโยชน์มากกว่าแม่เหล็กจะทำงานได้แรงและเร็วกว่าเก่าเพราะ เราจะเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่หันเข้าหากันมันจะดูดกันเร็วกว่าเดิมแบบเร็วจี๋ ยิ่งเราทำสำเร็จมากขึ้นเท่าไหร่มันก็จะนิ่งเติมพลังความคิดให้แข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น เพราะแค่เราคิดใจเราก็จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นแล้ว มาลองนึกดูว่าถ้าทำไปด้วยมันก็ยิ่งจดจ่อมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า แล้วความคิดก็จะไม่ใช่แค่ความคิดเพ้อเจ้อ เป็นแค่จินตนาการ แต่มันจะสามารถเกิดขึ้นได้ต่อหน้าต่อตาของคุณถ้าคุณแน่พอ และไม่หยุดเติมพลังความคิด อย่าลืมว่าจินตนาการทำให้เราสามารถอยู่บนโลกใบนี้ในแบบที่เราเป็นได้ ทำให้เรามีน้ำสะอาด มีไฟฟ้าใช้ มีดาวเทียมถ่ายทอดสด มีอินเตอร์เน็ท มี 3G มีเครื่องบินใช้ข้ามประเทศ ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการที่ผ่านการทำจนสำเร็จเป็นผลลัพธ์ของมวลมนุษยชาติ (ยกเว้นธรรมชาติ) 




ขอให้ทุกท่านใช้แม่เหล็กของท่านให้เป็น สามารถเข้าใจการทำงานของมันและสามารถใช้มัน
ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของตัวเองและผู้อื่น จริงๆมันใช้ไม่ยากแต่คนเราชอบ "คิดซ้อน" 
มันก็เลย "ไม่ได้ทำ" เพราะมัวแต่คิดไม่ลองทำมันเลยยากขึ้นไปอีก เราคิดทับจนไม่กล้าดึง
ความคิดออกมาทั้งๆที่ มันก็แค่ดึงออกมาซะก็จบ !
  




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Hip-Hop dance คืออะไรล่ะ ?

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่านไม่ได้ update มาหลายวัน ช่วงนี้มีอะไรให้ทำเยอะมีหลาย
โครงการอยู่ในหัวสมอง ไหนจะงานเดือนหน้าที่วิ่งเข้ามาแน่นเอี้ยดด แต่สนุกแน่ๆครับ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ !


การเต้น Hip-Hop จริงมันมาจากไหนกันแน่ ? 

พื้นๆไม่ได้มาจาก ดนตรี Hip-Hop ที่เราใช้โยกๆกันแบบที่เรารู้จักหรอกหรอ ผมว่ามันก็ใช่
แต่ที่มามันมาจากการเต้นที่ใช้พิสูจน์ตัวตนของคนเต้นด้วย style ของตัวเอง โดยมีพื้นฐาน
มาจากการเต้นกับดนตรี Funk ,Soul ใครที่บอกว่าการเต้น B-boy ,Popping ,Locking
ไม่ใช่การเ้ต้น Hip-Hop นั่นมันเป็นเรื่องที่ผิดสิ้นดี พื้นฐานของวัฒนธรรมการเต้นนี้มันมา
จาก style การเต้นพวกนี้ style การเต้นเหล่านี้แหละเป็นต้นกำเนิดของหลายเทคนิคที่การ
เต้น Hip-Hop ในสมัยใหม่เอามาใช้ทั้งเทคนิคในเรื่องของการ Isolation (การขยับแบบแยกส่วน)
การ Lock (การหยุด) การ Bounce (ฺการเด้ง) การ Footwork (การขยับจังหวะเท้า)
 หลายๆเทคนิคได้นำเอาหลายๆ style การเต้นที่มีมาอยู่แต่เดิมมาผสมผสานเพื่อให้เข้ากับ
จังหวะดนตรีตามแต่ละยุคสมัย จนกระทั่งการเต้นHip-Hop ได้กลายพันธุ์และแตกแขนงออก
มาเป็นหลาย style หลายรูปแบบมากมาย




ความเข้าใจที่ว่าการเต้นแบบนี้เป็นการเต้นแบบ Choreography (การออกแบบท่าเต้น)
เพียงอย่างเดียว เป็นความเข้าใจผิดๆ การเต้น Hip-Hop เป็นการเต้นที่จะมี style เฉพาะตัว
ของแต่ละบุคคล ไม่ใช่การเต้นแบบ Routine (ท่าชุด ท่า set) เพียงอย่างเดียว คนที่เต้น
Hip-Hop คือคนที่จะต้องมี style เป็นของตัวเอง สามารถ Freestyle (ว่าง่ายๆมั่วเป็น) ได้ 
เข้าใจจังหวะการ groove (การโยกตัวไปกับจังหวะเพลงนั้นๆ) ถ้า groove ไม่เป็นมันก็ไม่
ต่างอะไรกับคนเต้นไม่เป็น กลายเป็นหุ่นยนต์ที่เต้นตามเพลงที่กำหนดมาให้เพียงอย่างเดียว
คนที่สามารถ freestyle ได้จะต้องมี พื้นฐานการเต้นจากหลายๆ style เพื่อจะได้เข้ากับเพลง
ที่เปิดขึ้นมา ใครที่บอกว่าเพลง Funk ,Breakbeat Funk ,Disco Funk ฉันเต้นไม่ได้หรอก
เพราะมันไม่ใช่เพลง Hip-Hop คุณคิดผิดถนัดเลย เพราะเพลงเหล่านี้แหละคือพื้นฐานของ
ดนตรี Hip-Hop ที่คุณเอามาใช้เต้นในปัจจุบัน ถ้าคุณเต้นกับมันไม่ได้มันก็เหมือนคุณเต้น
Hip-Hop ไม่เป็นไม่เข้าใจการเต้น Hip-Hop จริงๆ มันไม่ใช่การแบ่งแยกว่า style แบบนี้
เรา้เต้นไม่ได้แต่อย่างน้อยคุณจะต้องเข้าใจที่มาที่ไปของมันคุณถึงจะเต้น Hip-Hop ได้เพราะ
ประวัติาสตร์ Hip-Hop มันมีมายาวนาน คุณต้องศึกษามัน ไม่ใช่บอกว่าฉันเต้นเป็นแต่แบบนี้
ฉันเต้นเป็นแต่ New style (Hip-Hop รูปแบบใหม่) ฉันไม่เข้าใจหรอก และไม่รู้ฉันจะทำไปทำไม
มันก็ได้ครับแต่เมื่อเพลงแบบที่ผมว่าเปิดขึ้นมา คุณจะบอกว่ามันไม่ใช่ Hip-Hop คุณก็คิดผิด
แล้ว ด้วยสื่อเดี๋ยวนี้บิดเบือน ภาพของวัฒนธรรม Hip-Hop จนกลายเป็นอย่างอื่นไปแล้วจน
คนเต้นเข้าใจผิดไปแล้วว่าทุก style มันไม่ได้เกี่ยวกัน ทั้งๆที่ต้นกำเนิดของวัฒนธรรมมัน
มาจากพื้นฐานเดียวกันและมียุคสมัยของมันในการพัฒนาเรื่อยมา คุณอาจจะไม่รู้วันนี้ไม่เป็นไร
แต่ถ้าคุณไม่ศึกษาเลย ไม่เคยทำความเข้าใจเลย แล้วไปเที่ยวพูดว่าฉันเต้น Hip-Hop ทั้งๆที่
รากฐานของมัน แก่นของวัฒนธรรมคุณยังไม่รู้ที่มา ยังไม่สามารถทำพื้นฐานของมันได้
แล้วคุณจะเอาไปสอนไปบอกคนอื่นได้อย่างไรว่าคุณเต้น Hip-Hop จริงๆ



 B-boying


Popping


  
Locking




คำว่า Hip-Hop dance มันกว้างมาก มันครอบคลุมหลายๆ style การเต้น แม้แต่ House ,Wacking BeBop แม้แต่การเต้น Trap ก็เป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมการเต้นนี้ ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจกับมันให้กว้างกว่าที่คุณเห็นภาพใน MTV ยิ่งถ้าเราดูดนตรี Hip-Hop สมัยนี้กลายเป็นดนตรี Trace เป็น Dubstep กลายเป็นอะไรไปหมดแล้ว จนคนไม่เห็นภาพจริงๆของ Hip-Hop แล้ว กลายเป็น
ผู้หญิงออกมาเต้น Booty shake (สาวๆออกมาเต้นส่ายก้น) ออกมาสลับขาแบบ Shuffling
บิดเบือนของแท้ที่มันควรจะเป็น บิดเบือนความเข้าใจของนักเต้นสมัยใหม่ให้ออกห่างจากความ
เป็นจริงไปทุกที จนทำให้รูปแบบ Style การเต้นอื่นๆดูเป็น Oldschool (แบบเก่า) ไปหมด ซึ่งจริงๆ
มันไม่ใช่ เพราะการเต้น Hip-Hop ของแท้มันมีการพัฒนาเทคนิคอยู่ตลอดเวลาและดีขึ้นเรื่อยๆด้วย
ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้ยินชื่อของ การเต้นหลายๆ แนวทั้ง B-boy ,Popping ,Locking ,House
ฯลฯ หรอกครับ เพราะมันยังอยู่และมันไม่ได้เก่าเลยแต่นับวันยิ่งพัฒนาไปมากขึ้น !



James Brown

                                                          KRS ONE

                                                       SugarHill Gang



                                                 A Tribe Called Quest



                                                    Earth, Wind & Fire


                                                         
                                                KC & The Sunshine Band



                                   Michael Viner's Incredible Bongo Band


ผมแค่จะบอกว่าทุก style ที่คุณรู้จักมันคือ Hip-Hop มันมาจากวัฒนธรรม Hip-Hop เราจึงใช้
หลายๆคำที่เป็น Hip-Hop มันคือวัฒนธรรม ไม่ใช่การเต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง มันคือประวัติศาสตร์มันคือผู้คนที่ร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบการเต้นหลายๆแบบขึ้นมา การที่คุณเต้น Freestyle เป็น รู้ประวัติศาสตร์ รู้จัก James Brown , Sugarhill gang รู้จัก Incredible Bongo band  รู้จัก KC & Sunshine bang ,Earth Wind Fire , A tribe called quest ,KRS one  เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เต้น Hip-Hop ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด การที่คุณเต้นกับเพลงเหล่านี้ได้นั่นก็แสดงได้ถึงความรู้เกี่ยวกับการเต้นของคุณด้วยนั่นแหละ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณรู้จักคำว่า Hip-Hop จริงๆ


ความรู้คือพลัง !


PEACE ~
 
 


อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5