วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ภาพจากในครั้งกาลก่อน ..

วันนี้ผมจะเอารูปสมัยก่อนๆมาให้ชมครั้งที่มีงานแข่งเต้น และ ภาพของหลายๆคน
ที่เริ่มเต้นมาตั้งแต่แรก วันนี้ผมขอไม่พิมพ์อะไรมากให้รูปเล่าเรื่องแทนแล้วกันครับ ;)


ภาพชุดแรกเป็นภาพงานแข่งที่คลับแห่งหนึ่งที่ RCA เมื่อนานมาแล้ว


ภาพนี้คือ พี่ Tob จากทีม Style Tripple F ครับ



ถ้าผมจำไม่ผิดสองคนนี้คือ พี่เป้ White Trash และ พี่หม้อ Newschool ครับ 


ให้เดาดีๆครับว่าคนนี้เป็นใคร ??? คนนี้คือ B-boy Gonza นั่นเอง 



คนนี้คือ พี่มล หรือ Mmon ทีม Style Tripple F กำลัง ทำท่า Hallow back



พี่ Oman ทีม Style Tripple F หรือ ทีม Prasumain crew ในปัจจุบัน



คนนี้คือ พี่ป๊อป ppKidz จากทีม Spin Control หรือ Pop'n roll จากทีม Romeo Zerious ในปัจจุบัน   





ภาพอีกชุดเป็นภาพมาจากงาน Redbull Eminem Graffiti contest ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ครับ

นี่คือ ผมเอง ฮ่าๆๆๆ B-boy Cheno (Ground Scatter,99Flava)


พี่คนนี้คือ พี่เธียร์ หรือ Teartee (Spin Control)


พี่ป๊อปกำลังทำ Headspin tap


พี่ตั้ม หรือ พี่ คริส Newschool กำลังทำ Continues Airflare


ภาพชัดๆของพี่ตั้มครับ ทางขวามือคือ พี่ อาร์ท หรือ Asia Art ของเรานี่เอง 


Exhibition battle กันในสมัยนั้นครับมีหลายคนด้วยกัน มีผม พี่เอ้ ,พี่โจ้ tatoo ,พี่วี Ground Scatter  ฯลฯ


ฝั่งนี้มี พี่เอก Spin Control ,พี่การ Spin Control ,พี่หนึ่ง ,พี่ตั้ม Newschool , พี่เธียร์และ พี่ป๊อปครับ


พี่ป๊อปกำลังทำ Footwork ครับ


ผมกำลังทำ 1990's


ท่านี้เรียกว่า Gainer ครับ

นี่คือ พี่อาร์ท หรือ Asia Art (Spin Control) ครับ


หลังจากการ Battle ก็มีการกอดกันหน่อย พี่โอมานยิ้มหวานเชียวครับ อิอิ


หลังจากเสร็จแล้วทุกๆคนก็จะรวมตัวกันดูวีดีโอครับ



วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนครับกับภาพในวันวานที่ผ่านมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วของ ชาว B-boy 
จาก ชั้น 7 MBK ร้าน Kob Skate shop เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมา update กันต่อครับผม  





ปล. ขอขอบคุณพี่ๆทุกๆคนทั้งพี่โอมาน ,พี่ป๊อป ,พี่เธียร์ ,พี่ตั้ม ,พี่การ ,พี่อาร์ท และทุกๆคนที่ผม
       ไม่ได้กล่าวถึง ขอขอบคุณมากๆครับ ภาพดังกล่าว เอามาเพื่อให้เป็นการศึกษาสำหรับเด็ก
        รุ่นต่อไปให้ได้รู้จักกับ B-boy รุ่นบุกเบิก มิได้มีเจตนาอื่นใด ขอบคุณมากครับสำหรับทุกภาพครับ 






วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

Thai B-boy History

วันนี้จะมาพูดถึงประวัติของ B-boy ในประเทศไทยว่าเข้ามาได้อย่างไร อาจจะไม่ละเอียดนักแต่ผม
สามารถเล่าได้คร่าวๆตามความรู้ของผมที่ได้เรียนรู้และรู้จากหลายๆคนมา

บ้านเราเริ่มมีการเต้น Breakdance เข้ามาตั้งแต่สมัยช่วงสงครามเวียตนามครั้งที่ประเทศอเมริกา
อาศัยบ้านเราเป็นฐานพักกำลังชั่วคราว คาดว่านะจะเข้ามาจากทหารอเมริกันนำมาเต้นกันในยุคนั้น
ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าครั้งแรกของการมี B-boy หรือ Breakdance ที่นี่ แต่ข้อมูลนี่ยังไม่มีการพิสูจน์
ทราบแน่ชัดแต่สามารถเป็นกรณีสังเกตุได้

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2528 (1985) การเต้น Breakdance ก็ได้มีความนิยมแพร่หลาย
ด้วยแนวดนตรีในยุคนั้นซึ่งมีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นมาก จึงมีท่าที่นิยมเล่นต่างๆมากมาย
ซึ่งได้แก่ ท่ากังหัน(Windmill) ,ท่าหนอน(Worm) , Wave (การเต้น wave ใน style Popping ) ,Robot
(การทำท่าเลียนแบบหุ่นยนตร์) เป็นต้น ส่วนมากวัยรุ่นในสมัยนั้นจะเต้นกันแบบเต้นได้ คนละท่า
สองท่า เพื่อเอาไว้อวดสาว และใช้เต้นเพื่อความสนุกสนานไปตามยุคสมัยไม่ได้ทำจนเป็นจริงจัง
 สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า B-boy ใช้แต่คำว่า Breakdance ตามชื่อเรียกของสื่อในอเมริกา ยุคนั้นเป็นช่วง
ที่วง Rock Steady crew ก็กำลังมี album เป็นของตัวเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลมากสำหรับ
Pop culture ในช่วงนั้น


ต่อมามีนักเต้นหลายคนนำมาพัฒนาจนกลายเป็นอาชีพ ไว้เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ทั้งนำไปเต้นในคลับ
และนำมาเต้นกับศิลปิน ซึ่งมีอยู่หลายต่อหลายคน พี่ต้น DC, พี่ผี และ พี่เล็ก ซึ่งหลายท่านที่ผมกล่าว
ถึงนี้ได้เป็นผุ้ที่ริเริ่มสร้างสรรค์เป็นแรงบรรดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆในเวลาต่อมา


ประวัติในกรุงเทพฯ


MBK ชั้น 7 และ Kob Skate shop

ถ้าพูดถึงในกรุงเทพฯแล้วมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการเต้น B-boy มาเป็นเวลายาวนาน เริ่มตั้งแต่
ที่แรกที่ผมเคยเห็นคือ ที่ ศูนย์การค้า MBK ชั้น 7 บริเวณ ลานหน้าร้าน "KOB SKATE SHOP" ซึ่ง
เป็นสถานที่ๆเด็กสเก็ต(เด็กที่เล่นสเก็ตบอร์ด) และ B-boy มักจะมารวมตัวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ตอนเย็นของทุกๆวันเสาร์และอาทิตย์ ประมาณ 5 โมงเย็นไปจนถึงดึก ก็จะมี B-boy มารวมตัวกันเพื่อ
ซ้อมเต้นเป็นจำนวนมาก แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีเยอะมาก มีราวๆ 10-15 คน ได้ แต่ในช่วงนั้นแค่นี้ก็ถือ
ว่าเยอะแล้ว กลุ่มที่อยู่บริเวณนั้นแรกๆ มีชื่อว่า New school breaker เป็นทีมที่ถือได้ว่าเป็นที่แรกๆที่เรา
สามารถเห็นได้ในตอนนั้น โดยมีหัวหน้าทีมชื่อว่า "พี่ตั้ม (Chris Newschool)"  และอีกทีมที่ขาดไม่ได้ คือ ทีม "Spin Control crew" เป็นทีมที่เป็นรุ่นถัดมา ซึ่งทั้งสองทีมได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับวงการ
การเต้น B-boy ในยุคนั้นจนเป็นที่รู้จัก เช่นงาน ประกวดเต้นของ " Channel [V] Street Hi-Fi " เป็นต้น
สมัยนั้น B-boy เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเด็กรุ่นใหม่แต่แค่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ยุค
นั้นเป็นยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มกันจนกลายเป็นชื่อทีมใหม่ว่า "662 Breakerz"



BTS 

ต่อมามีการแตกกลุ่มออกมาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า "BTS" เนื่องจากเรียกกันตามชื่อสถานที่ซ้อมเต้น
บริเวณบนสะพานคนเดิน Skywalk ตรงหน้า Tokyo (MBK) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถานีรถไฟฟ้า BTS
"สนามกีฬาแห่งชาติ" และกลายเป็นที่ซ้อมตราบมาจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้ถูกเรียกว่ากลุ่ม BTS ตามชื่อ
สถานี่ซ้อม ซึ่งมักจะมีการผิดใจกับกลุ่มที่อยู่บนชั้น 7 ของ MBK อยู่บ่อยๆ จนเกิดการ Battle อยู่บ่อยครั้ง
เป็นที่รู้กันในหมู่ B-boy ว่าคนที่ซ้อมชั้น 7 จะไม่ยุ่งกับคนที่ซ้อมที่ BTS และคนที่ซ้อม ที่ BTS ก็จะไม่ไป
ยุ่งกับคนที่ซ้อมชั้น 7 เช่นกัน ตามประสาของวัยรุ่นเพียงเท่านั้น กลุ่มที่ซ้อมอยู่ตรงนี้มีหลายกลุ่มด้วยกัน
คือ ทีม C-Cool และ Platinum crew แต่ปัจจุบันสถานที่นี้ได้กลายเป็นสถานที่ซ้อมของกลุ่มหลายกลุ่ม
ซึ่งมาผลัดเปลี่ยนกันใช้มานานนับ 10 ปี



ป้อมพระสุเมรุ

เมื่อเวลาได้ผ่านไป ได้มีกลุ่มใหม่ที่แยกตัวออกมาจากชั้น 7 MBK ไปซ้อมอีกที่หนึ่งแต่กลุ่มนี้ไม่ได้มี
ปัญหาอะไรกับใครเพียงแต่อยากซ้อมในที่ๆใหม่เท่านั้นกลุ่มนั้น มีชื่อว่า "Style Triple F" ซึ่งมีสมาชิก
3 คน หลักๆคือ พี่มล (M-mon) ,พี่ต๊อบ (Tob) และ พี่โอมาน (Oman) ซ้อมกันอยู่ที่
 สวนสันติชัยปราการ หรือเรียกอีกชื่อว่า "ป้อมพระสุเมรุ"  บริเวณ ถนนพระอาทิตย์ ใกล้ๆ
ตรอกข้าวสาร กลุ่มนี้เป็นอีกหลุ่มหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงภาพรวมของ B-boy ไปอีกรูปแบบเลยทีเดียว
เนื่องจากได้มีการทำท่า Footwork กันมาก ในกลุ่มนี้จึงเกิดเป็นการกระตุ้นให้เด็กที่ฝึกใหม่อยู่ที่
ป้อมพระสุเมรุได้มีการฝึกการเต้น Basic ที่ถูกวิธีมากขึ้นเนื่องจากสมัยก่อนการเต้น B-boy มีแต่การทำ
 ท่า Powermove และ Freeze เป็นส่วนใหญ่ การทำ Footwork ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดไปมาก
เหมือนปัจจุบัน แต่ที่นี่เป็นที่แรกๆที่เห็นความสำคัญของ Basic ตรงนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่แรกที่
ให้แรงบรรดาลใจกับคนที่เต้นในยุคนั้นและยุคต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลง


การ Battle ใน สมัยนั้น
การเต้นในสมัยนั้นการซ้อมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอก็จะมีการ Battle กันในบางโอกาศ เป็นการ
Battle กันเองบ้างหรือบางครั้งเป็นการท้าทายจากกลุ่มอื่นบ้างก็มี การ Battle ในสมัยก่อนค่อนข้างจะ
เอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่การ Battle กันแบบเล่นๆแต่เป็นการ Battle เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าใครดีกว่าจริงๆ
ดังนั้นการ Battle จึงไม่ใช่การจับคู่กันสนุกๆอย่างเดียวเมื่อเกิดการท้าทายกันขึ้นโดนส่วนมากจะ Battle
กันแบบตายไปข้างนึง แบบครึ่งชั่วโมงก็ไม่จบ มีพักยกแล้วเอาต่อก็มี ไม่ยอกเลิกราง่ายๆจนกว่าอีกฝ่าย
จะท่าหมดหรือหมดแรงไปในที่สุด


การแข่งขันในยุคแรก
การแข่งขันสมัยก่อนมีน้อยมากซึ่งส่วนมากจะเป็นการแข่งขันที่จัดกันตาม Hip-Hop ปาร์ตี้ในคลับ
และมักจะเป็นการจัดปาร์ตี้ที่มี MC ,DJ,Graffitti และ B-boy อยู่จริงๆซึ่งทุกคนจะได้คุยกันแชร์ความคิด
กันซึ่งเป็นการอยู่ร่วม 4 Elements กันจริงซึ่งเดี๋ยวนี้ค่อนข้างหายากแล้ว และการแข่งขันบางครั้งก็มักจะ
จัดกันเองโดยมีเงินรางวัลไม่มากนักเช่น การแข่งขันที่สะพานพุทธ เป็นต้น

ต่อมามีการพัฒนาซึ่งส่งเสริมจาก Sponsor ที่เป็นผู้จัดจริงๆ ซึ่งได้แก่ งาน Seacon square หลายๆครั้ง
ทั้งแบบ 3 vs 3 และแบบเดี่ยว ซึ่งจะมีการจัดการแข่งขันกันอยู่เป็นประจำ หรือแม้แต่ตามงานแข่ง Graffiti
หรือจักรยาน Flat land ก็มักจะมีการแข่งขัน B-boy ควบคู่ อยู่ เช่นกัน


การแข่งขันระดับประเทศ
การแข่งขันระดับประเทศได้เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกคืองาน"Chiclet Seacon 3 on 3 B-boy Battle" ซึ่งเฟ้นหาเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อไปแข่งขันและไปหาประสบการณ์ต่อที่กรุงโซล
ประเทศเกาหลี ผู้ชนะ คือ ทีม Pised crew (พิเศษ crew Cheno,Oman,Mmon)  ต่อมาได้มีการแข่งขัน
ที่ใหญ่ขึ้นเรียกว่าการแข่งขัน Battle of the year Thailand  โดยมี พี่กิ๊ก ปรวรรษธ กฤษณมะระ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ BATTLE OF THE YEAR THAILAND & SOUTHEAST ASIA นับตั้งแต่ปี 2004
เรื่อยมา แต่เมื่อปี 2008 พี่กิ๊กได้จากเราไปด้วยอาการป่วยเป็นโรคมะเร็ง ในวันที่ 1 สิงหาคม  พี่กิ๊กได้สร้างงานนี้ขึ้นมาให้กับเด็กๆ B-boy รุ่นหลังเพื่อจะได้เป็นแรงผลักดันเยาวชน B-boy ,B-girl ต่อไป
มาจนถึงทุกวันนี้



การจัดงาน Battle of the year Thailand ตั้งแต่ที่เคยมีมา

BOTY SEA 2004
 1) TBC (Taiwan)
 2) Spin Control (Thailand)
 3) Ground Scatter crew (Thailand)

BOTY Thailand 2005
1) Ground Scatter crew
2) 662 (Spin Control crew)
3) Evertrack Force crew


BOTY Thailand 2006
1) Ground Scatter crew
2) Spin Control crew
3) Platinum crew 


BOTY Thailand 2007
1) Ground Scatter crew
2) Platinum crew
3) One Piece crew

BOTY Thailand 2008
1) Romeo Serious crew
2) BeatHeroes crew
3) Prasumain crew

BOTY Thailand 2009
1) 99Flava crew
2) Romeo Serious crew
3) Platinum crew

BOTY Thailand 2010
1) 99Flava crew
2) Romeo Serious crew
3) One Piece crew




การสร้างชื่อเสียงระดับ International ของ B-boy ไทย

การสร้างชื่อเสียงของ B-boy ไทยที่เด่นชัดที่สุดเริ่มมีมาตั้งแต่สมัย ปี 2005 ,2006 และ 2007
จากการคัดเลือกตัวแทนซึ่งเป็น แชมป์ประเทศไทย ประเภททีม จากงาน  BATTLE OF THE
 YEAR THAILAND ทำให้ทีมไทยได้เป็นตัวแทนภูมิภาค South East Asia  ถึง ในปี 2005
ไปแข่งขันงาน Battle of the year International 2005 ที่ เมือง Braunswiege  ประเทศ Germany
ได้อันดับที่ 11 จาก 20 ประเทศทั่วโลกในปีแรก (2005) และ ปีถัดมา คือปี 2006 ทีมไทยได้
เป็นตัวแทนภูมิภาค South East Asia อีกครั้งไปแข่งขันงาน Battle of the year International 2006
ที่ เมือง Braunswiege  ประเทศ Germany เป็นครั้งที่ 2 และได้อันดับที่ 10 จาก 20 ประเทศทั่วโลก
กลับมา และปีสุดท้ายคือ 2007 ทีมไทยได้ติด 1 ใน 3 ทีม จากงาน Battle of the year Asia  2007
โดยจัดที่กรุง Busan ประเทศเกาหลี  และเป็นตัวแทน ประเทศจากทวีปเอเชีย ซึ่งได้แก่ เกาหลี
, ญี่ปุ่น และ ไทย ไปแข่งขันที่งาน Battle of the year International 2007 ที่ เมือง Braunswiege 
ประเทศ Germany เป็นครั้งที่ 3 และได้ อันดับที่ 5 จาก 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ
ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทีมนี้เป็นแชมป์ประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 สมัยซ้อน
ทีมนี้มีชื่อว่า "Ground Scatter Crew"

นอกเหนือจากนั้นยังมีงานแข่งที่คนไทยเราไปแข่งมาแล้วชนะเลิศมาด้วยได้แก่
"Circle Prinz Japan 2010" ซึ่งบ้านเราได้เป็นทีมที่ถูกเชิญไปแล้วชนะกลับมา
โดยเป็นตัวแทนประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นไปแข่งขันต่อที่งาน "Circle Kingz 2010"
ที่เมือง Lausanne ประเทศ Switzerland และติด 1 ใน 8 ทีม อีกด้วย คือ
B-boy Cheno และ B-boy Gonza  จากทีม 99Flava crew





อันที่จริงแล้วประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ ขอให้ทุกท่านจดจำแต่สิ่งดีๆของมันและเดินรอยตามมัน
สิ่งไหนที่ไม่ดีที่ผิดพลาดก็เก็บไว้เตือนสติ ทุกๆคนที่เป็น B-boy ,B-girl ที่อยู่ที่นี้ล้วนสร้างประวัติศาสตร์
ไว้ให้กับคนรุ่นต่อๆไป ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถที่จะให้อะไรกับสังคมของเราและคนอื่นๆได้มากน้อยแค่
ไหนจากสิ่งที่เราเป็น คนทุกๆคนล้วนมีคุณค่าสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายไม่ใช่เพียงกลุ่มใด
หรือใครคนหนึ่ง เรามาช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ที่สวยงามและน่าจดจำให้กับโลกใบนี้กันเถอะครับ !





B-boy Cheno
99Flava,Ground Scatter

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

B-boy ไม่มีสาย (อีกซักที)

กลับมาอีกครั้งกลับการเขียนของผม วันนี้ขอกล่าวถึงเรื่องเดิมๆที่เคยพูดคุยกันอยู่เป็นประจำ ในเรื่องของ
การเต้น B-boy,B-girl ในเรื่องของการแบ่งแยกสายและ style ต่างๆ  หลายๆคนที่เพิ่งจะเริ่มเต้นหรือ
ไม่เคยเต้นมักจะมีความสงสัยในเรื่องของ การแบ่งสายเนื่องด้วยความหลากหลายของรูปแบบการเต้น
ที่มีมากมายอยู่ในปัจจุบัน ก่อนอื่นจะ อธิบายคร่าวๆในเรื่องของพื้นฐานองประกอบของการเต้นหรือ
คำว่า Foundation ให้เข้าใจกันชัดๆอีกครั้งหนึ่งครับ



Toprock  คือ การเต้นที่เป็นองประกอบแรก เป็นการเต้นแบบยืนเต้นโดยจะใช้เท้า,มือ
                      และการขยับร่างกายช่วงบน เพื่อเป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ของผู้เต้นว่าเป็นเช่นไร

Downrock หรือ Footwork  คือ การเต้นที่เป็นองประกอบที่ 2  เป็นการเต้นที่อยู่ด้านล่าง แบบนั่งยองๆ
                                               โดยจะใช้มือค้ำอยู่ที่พื้น โดยใช้ทั้ง สเต็ปเท้า และการใช้มือประกอบกัน

Freeze คือ  องประกอบที่ 3 ของการเต้นชนิดนี้ ใช้เพื่อเป็นท่าจบ เหมือนกับการ Pose ท่าถ่ายรูปหรือ
                  อาจจะเป็นท่าที่ใช้มือค้ำที่พื้น และหัวแตะพื้น แต่มันจะเป็นท่าที่ไว้ใช้จบด้วยการหยุดอยู่
                  กับที่ เหมือนกับการถูกแช่แข็ง

Powermove คือ องประกอบสุดท้ายซึ่งเป็นองประกอบเสริมของการเต้นชนิดนี้ที่ทำให้การเต้นมีพลัง
                         และมีความโดดเด่น น่าสนใจขึ้นมา เป็นท่าที่ใช้พลังของแขนและขา โดยอาศัยการ
                         เหวี่ยงร่างกายให้หมุนในรูปแบบต่างๆ


นั่นเป็นคำอธิบายถึงองประกอบแบบคร่าวๆ ที่ทุกคนควรจะเข้าใจ องประกอบทั้งหมดนั้นล้วนต้องมีความ
สัมพันธ์กัน มิใช่แบ่งแยกไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง มันจึงไม่มีการแบ่งสายการเต้น อย่างที่หลายๆคนคิด
กันไปเอง ที่จะมีก็แต่ การแบ่งเป็นการแข่งขันความถนัดของ องประกอบการเต้นเช่น





Toprock battle คือ การแข่ง Toprock เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการทำอย่างอื่นเลย โดยส่วนมาก
                             จะตัดสินกันที่ทักษะในเรื่องการใช้อารมณ์การเต้นกับเพลงรายละเอียดของ
                             การเต้น ความคิดสร้างสรรค์ของท่า และ การเก็บจังหวะ  และจะเต้นอยู่ด้านบน
                             เท่านั้นใน รูปแบบของการเต้นของ Toprock เป็นหลัก

Footwork battle คือ การแข่ง Footwork เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการทำอย่างอื่นโดยที่หลัง
                                และลำตัว ของผู้เต้นจะไม่มีการสัมผัสพื้นเลยถ้าไม่จำเป็นจะมีเพียงแค่
                                มือ และขา เท่านั้นที่จะสัมผัสพื้น โดยไม่หลุดไปจากรูปแบบของ Footwork

Powermove battle คือ การแข่งเฉพาะ Powermove เพียงอย่างเดียวเท่านั้นโดยจะตัดสินจากท่า
                                   การต่อท่า ความคิดสร้างสรรค์ในการต่อท่าและสร้างท่าใหม่ ไม่ใช่ความ
                                   ยากของท่าเพียงอย่างเดียว และไม่ได้วัดกันที่รอบหรือพละกำลังอย่างเดียว




เนื่องจากการเต้น B-boy คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่ามันคือกีฬาเพราะมันดูใช้พลังของร่างกายเยอะและดู
คล้ายยิมนาสติก แต่อันที่จริงแล้วมันคือศิลปะการเต้นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยได้
รับแรงบรรดาลใจมาจาก การเต้นชนิดอื่น กีฬา ศิลปะการต่อสู้ และนำมาสร้างเป็น style ใหม่ ได้อย่าง
ลงตัว จึงไม่แปลกนักที่หลายๆคนจะมักจะไม่เข้าใจว่าการเต้น B-boy คืออะไรกันแน่





การเต้นนั้นไม่มีการแบ่งสายแบ่ง style หากแต่มีการแบ่งแนวหรือชื่อ เพื่อให้เข้าใจง่ายกันไปตามยุคสมัย
นั้นๆ อย่างเช่นการเต้นแบบ Abstract  ,Flexible style ,Power style ,Bronx style ,Origami style
,EVO style ฯลฯ  ซึ่งชื่อเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้นในมุมมองของหลายๆคนที่
แตกต่าง แต่ทุก style ต่างก็มีแรงบรรดาลใจมาจากพื้นฐานแบบเดียวกัน หากถ้าเราแบ่ง style กันจริงๆ
แล้วในปัจจุบันคงจะมีเป็น ล้านๆ style เพราะหลายคนก็หลายแรงบรรดาลใจ ไม่สามารถนำมาแบ่งสาย
ได้อย่างที่หลายๆคนกล่าวอ้าง เพราะถ้าแบ่งจริงๆมันก็คงจะไม่ใช่การเต้น B-boy แล้วหากแต่เป็นอย่าง
อื่น อย่างที่บอกก็คือชื่อต่างๆทำให้คนเราเข้าใจในรูปแบบ style นั้นๆง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเราก็ควร
จะมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเต้นชนิดนี้ด้วยว่ามันมีที่มาอย่างไรและเป็นอย่างไรมาก่อนเพื่อ
ความเข้าใจและนำไปประยุกต์และสร้างสรรค์รูปแบบ style ของตนเอง สายนั้นจึงไม่มีอยู่จริงๆ เป็น
มีเพียงแต่ style ของแต่ละบุคคลเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นเป็นใคร




Style คือ ความรู้สึกของบุคคลนั้นๆที่สื่อผ่านการเต้น จนกลายเป็นภาพรวมส่วนประกอบของท่า
                และวิธีการต่อท่าต่างๆ จนทำให้บุคคลนั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง



สามารถรับข้อมูลข่าวสาร B-boy & B-girl
หรือ อยากจะสมัครเรียนเต้นได้ที่นี่ครับ

http://www.facebook.com/bboycheno99flava/


- B-boy Cheno (ชีโน่)