วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

Thai B-boy History

วันนี้จะมาพูดถึงประวัติของ B-boy ในประเทศไทยว่าเข้ามาได้อย่างไร อาจจะไม่ละเอียดนักแต่ผม
สามารถเล่าได้คร่าวๆตามความรู้ของผมที่ได้เรียนรู้และรู้จากหลายๆคนมา

บ้านเราเริ่มมีการเต้น Breakdance เข้ามาตั้งแต่สมัยช่วงสงครามเวียตนามครั้งที่ประเทศอเมริกา
อาศัยบ้านเราเป็นฐานพักกำลังชั่วคราว คาดว่านะจะเข้ามาจากทหารอเมริกันนำมาเต้นกันในยุคนั้น
ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าครั้งแรกของการมี B-boy หรือ Breakdance ที่นี่ แต่ข้อมูลนี่ยังไม่มีการพิสูจน์
ทราบแน่ชัดแต่สามารถเป็นกรณีสังเกตุได้

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2528 (1985) การเต้น Breakdance ก็ได้มีความนิยมแพร่หลาย
ด้วยแนวดนตรีในยุคนั้นซึ่งมีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นมาก จึงมีท่าที่นิยมเล่นต่างๆมากมาย
ซึ่งได้แก่ ท่ากังหัน(Windmill) ,ท่าหนอน(Worm) , Wave (การเต้น wave ใน style Popping ) ,Robot
(การทำท่าเลียนแบบหุ่นยนตร์) เป็นต้น ส่วนมากวัยรุ่นในสมัยนั้นจะเต้นกันแบบเต้นได้ คนละท่า
สองท่า เพื่อเอาไว้อวดสาว และใช้เต้นเพื่อความสนุกสนานไปตามยุคสมัยไม่ได้ทำจนเป็นจริงจัง
 สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า B-boy ใช้แต่คำว่า Breakdance ตามชื่อเรียกของสื่อในอเมริกา ยุคนั้นเป็นช่วง
ที่วง Rock Steady crew ก็กำลังมี album เป็นของตัวเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลมากสำหรับ
Pop culture ในช่วงนั้น


ต่อมามีนักเต้นหลายคนนำมาพัฒนาจนกลายเป็นอาชีพ ไว้เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ทั้งนำไปเต้นในคลับ
และนำมาเต้นกับศิลปิน ซึ่งมีอยู่หลายต่อหลายคน พี่ต้น DC, พี่ผี และ พี่เล็ก ซึ่งหลายท่านที่ผมกล่าว
ถึงนี้ได้เป็นผุ้ที่ริเริ่มสร้างสรรค์เป็นแรงบรรดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆในเวลาต่อมา


ประวัติในกรุงเทพฯ


MBK ชั้น 7 และ Kob Skate shop

ถ้าพูดถึงในกรุงเทพฯแล้วมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการเต้น B-boy มาเป็นเวลายาวนาน เริ่มตั้งแต่
ที่แรกที่ผมเคยเห็นคือ ที่ ศูนย์การค้า MBK ชั้น 7 บริเวณ ลานหน้าร้าน "KOB SKATE SHOP" ซึ่ง
เป็นสถานที่ๆเด็กสเก็ต(เด็กที่เล่นสเก็ตบอร์ด) และ B-boy มักจะมารวมตัวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ตอนเย็นของทุกๆวันเสาร์และอาทิตย์ ประมาณ 5 โมงเย็นไปจนถึงดึก ก็จะมี B-boy มารวมตัวกันเพื่อ
ซ้อมเต้นเป็นจำนวนมาก แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีเยอะมาก มีราวๆ 10-15 คน ได้ แต่ในช่วงนั้นแค่นี้ก็ถือ
ว่าเยอะแล้ว กลุ่มที่อยู่บริเวณนั้นแรกๆ มีชื่อว่า New school breaker เป็นทีมที่ถือได้ว่าเป็นที่แรกๆที่เรา
สามารถเห็นได้ในตอนนั้น โดยมีหัวหน้าทีมชื่อว่า "พี่ตั้ม (Chris Newschool)"  และอีกทีมที่ขาดไม่ได้ คือ ทีม "Spin Control crew" เป็นทีมที่เป็นรุ่นถัดมา ซึ่งทั้งสองทีมได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับวงการ
การเต้น B-boy ในยุคนั้นจนเป็นที่รู้จัก เช่นงาน ประกวดเต้นของ " Channel [V] Street Hi-Fi " เป็นต้น
สมัยนั้น B-boy เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเด็กรุ่นใหม่แต่แค่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ยุค
นั้นเป็นยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มกันจนกลายเป็นชื่อทีมใหม่ว่า "662 Breakerz"



BTS 

ต่อมามีการแตกกลุ่มออกมาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า "BTS" เนื่องจากเรียกกันตามชื่อสถานที่ซ้อมเต้น
บริเวณบนสะพานคนเดิน Skywalk ตรงหน้า Tokyo (MBK) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถานีรถไฟฟ้า BTS
"สนามกีฬาแห่งชาติ" และกลายเป็นที่ซ้อมตราบมาจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้ถูกเรียกว่ากลุ่ม BTS ตามชื่อ
สถานี่ซ้อม ซึ่งมักจะมีการผิดใจกับกลุ่มที่อยู่บนชั้น 7 ของ MBK อยู่บ่อยๆ จนเกิดการ Battle อยู่บ่อยครั้ง
เป็นที่รู้กันในหมู่ B-boy ว่าคนที่ซ้อมชั้น 7 จะไม่ยุ่งกับคนที่ซ้อมที่ BTS และคนที่ซ้อม ที่ BTS ก็จะไม่ไป
ยุ่งกับคนที่ซ้อมชั้น 7 เช่นกัน ตามประสาของวัยรุ่นเพียงเท่านั้น กลุ่มที่ซ้อมอยู่ตรงนี้มีหลายกลุ่มด้วยกัน
คือ ทีม C-Cool และ Platinum crew แต่ปัจจุบันสถานที่นี้ได้กลายเป็นสถานที่ซ้อมของกลุ่มหลายกลุ่ม
ซึ่งมาผลัดเปลี่ยนกันใช้มานานนับ 10 ปี



ป้อมพระสุเมรุ

เมื่อเวลาได้ผ่านไป ได้มีกลุ่มใหม่ที่แยกตัวออกมาจากชั้น 7 MBK ไปซ้อมอีกที่หนึ่งแต่กลุ่มนี้ไม่ได้มี
ปัญหาอะไรกับใครเพียงแต่อยากซ้อมในที่ๆใหม่เท่านั้นกลุ่มนั้น มีชื่อว่า "Style Triple F" ซึ่งมีสมาชิก
3 คน หลักๆคือ พี่มล (M-mon) ,พี่ต๊อบ (Tob) และ พี่โอมาน (Oman) ซ้อมกันอยู่ที่
 สวนสันติชัยปราการ หรือเรียกอีกชื่อว่า "ป้อมพระสุเมรุ"  บริเวณ ถนนพระอาทิตย์ ใกล้ๆ
ตรอกข้าวสาร กลุ่มนี้เป็นอีกหลุ่มหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงภาพรวมของ B-boy ไปอีกรูปแบบเลยทีเดียว
เนื่องจากได้มีการทำท่า Footwork กันมาก ในกลุ่มนี้จึงเกิดเป็นการกระตุ้นให้เด็กที่ฝึกใหม่อยู่ที่
ป้อมพระสุเมรุได้มีการฝึกการเต้น Basic ที่ถูกวิธีมากขึ้นเนื่องจากสมัยก่อนการเต้น B-boy มีแต่การทำ
 ท่า Powermove และ Freeze เป็นส่วนใหญ่ การทำ Footwork ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดไปมาก
เหมือนปัจจุบัน แต่ที่นี่เป็นที่แรกๆที่เห็นความสำคัญของ Basic ตรงนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่แรกที่
ให้แรงบรรดาลใจกับคนที่เต้นในยุคนั้นและยุคต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลง


การ Battle ใน สมัยนั้น
การเต้นในสมัยนั้นการซ้อมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอก็จะมีการ Battle กันในบางโอกาศ เป็นการ
Battle กันเองบ้างหรือบางครั้งเป็นการท้าทายจากกลุ่มอื่นบ้างก็มี การ Battle ในสมัยก่อนค่อนข้างจะ
เอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่การ Battle กันแบบเล่นๆแต่เป็นการ Battle เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าใครดีกว่าจริงๆ
ดังนั้นการ Battle จึงไม่ใช่การจับคู่กันสนุกๆอย่างเดียวเมื่อเกิดการท้าทายกันขึ้นโดนส่วนมากจะ Battle
กันแบบตายไปข้างนึง แบบครึ่งชั่วโมงก็ไม่จบ มีพักยกแล้วเอาต่อก็มี ไม่ยอกเลิกราง่ายๆจนกว่าอีกฝ่าย
จะท่าหมดหรือหมดแรงไปในที่สุด


การแข่งขันในยุคแรก
การแข่งขันสมัยก่อนมีน้อยมากซึ่งส่วนมากจะเป็นการแข่งขันที่จัดกันตาม Hip-Hop ปาร์ตี้ในคลับ
และมักจะเป็นการจัดปาร์ตี้ที่มี MC ,DJ,Graffitti และ B-boy อยู่จริงๆซึ่งทุกคนจะได้คุยกันแชร์ความคิด
กันซึ่งเป็นการอยู่ร่วม 4 Elements กันจริงซึ่งเดี๋ยวนี้ค่อนข้างหายากแล้ว และการแข่งขันบางครั้งก็มักจะ
จัดกันเองโดยมีเงินรางวัลไม่มากนักเช่น การแข่งขันที่สะพานพุทธ เป็นต้น

ต่อมามีการพัฒนาซึ่งส่งเสริมจาก Sponsor ที่เป็นผู้จัดจริงๆ ซึ่งได้แก่ งาน Seacon square หลายๆครั้ง
ทั้งแบบ 3 vs 3 และแบบเดี่ยว ซึ่งจะมีการจัดการแข่งขันกันอยู่เป็นประจำ หรือแม้แต่ตามงานแข่ง Graffiti
หรือจักรยาน Flat land ก็มักจะมีการแข่งขัน B-boy ควบคู่ อยู่ เช่นกัน


การแข่งขันระดับประเทศ
การแข่งขันระดับประเทศได้เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกคืองาน"Chiclet Seacon 3 on 3 B-boy Battle" ซึ่งเฟ้นหาเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อไปแข่งขันและไปหาประสบการณ์ต่อที่กรุงโซล
ประเทศเกาหลี ผู้ชนะ คือ ทีม Pised crew (พิเศษ crew Cheno,Oman,Mmon)  ต่อมาได้มีการแข่งขัน
ที่ใหญ่ขึ้นเรียกว่าการแข่งขัน Battle of the year Thailand  โดยมี พี่กิ๊ก ปรวรรษธ กฤษณมะระ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ BATTLE OF THE YEAR THAILAND & SOUTHEAST ASIA นับตั้งแต่ปี 2004
เรื่อยมา แต่เมื่อปี 2008 พี่กิ๊กได้จากเราไปด้วยอาการป่วยเป็นโรคมะเร็ง ในวันที่ 1 สิงหาคม  พี่กิ๊กได้สร้างงานนี้ขึ้นมาให้กับเด็กๆ B-boy รุ่นหลังเพื่อจะได้เป็นแรงผลักดันเยาวชน B-boy ,B-girl ต่อไป
มาจนถึงทุกวันนี้



การจัดงาน Battle of the year Thailand ตั้งแต่ที่เคยมีมา

BOTY SEA 2004
 1) TBC (Taiwan)
 2) Spin Control (Thailand)
 3) Ground Scatter crew (Thailand)

BOTY Thailand 2005
1) Ground Scatter crew
2) 662 (Spin Control crew)
3) Evertrack Force crew


BOTY Thailand 2006
1) Ground Scatter crew
2) Spin Control crew
3) Platinum crew 


BOTY Thailand 2007
1) Ground Scatter crew
2) Platinum crew
3) One Piece crew

BOTY Thailand 2008
1) Romeo Serious crew
2) BeatHeroes crew
3) Prasumain crew

BOTY Thailand 2009
1) 99Flava crew
2) Romeo Serious crew
3) Platinum crew

BOTY Thailand 2010
1) 99Flava crew
2) Romeo Serious crew
3) One Piece crew




การสร้างชื่อเสียงระดับ International ของ B-boy ไทย

การสร้างชื่อเสียงของ B-boy ไทยที่เด่นชัดที่สุดเริ่มมีมาตั้งแต่สมัย ปี 2005 ,2006 และ 2007
จากการคัดเลือกตัวแทนซึ่งเป็น แชมป์ประเทศไทย ประเภททีม จากงาน  BATTLE OF THE
 YEAR THAILAND ทำให้ทีมไทยได้เป็นตัวแทนภูมิภาค South East Asia  ถึง ในปี 2005
ไปแข่งขันงาน Battle of the year International 2005 ที่ เมือง Braunswiege  ประเทศ Germany
ได้อันดับที่ 11 จาก 20 ประเทศทั่วโลกในปีแรก (2005) และ ปีถัดมา คือปี 2006 ทีมไทยได้
เป็นตัวแทนภูมิภาค South East Asia อีกครั้งไปแข่งขันงาน Battle of the year International 2006
ที่ เมือง Braunswiege  ประเทศ Germany เป็นครั้งที่ 2 และได้อันดับที่ 10 จาก 20 ประเทศทั่วโลก
กลับมา และปีสุดท้ายคือ 2007 ทีมไทยได้ติด 1 ใน 3 ทีม จากงาน Battle of the year Asia  2007
โดยจัดที่กรุง Busan ประเทศเกาหลี  และเป็นตัวแทน ประเทศจากทวีปเอเชีย ซึ่งได้แก่ เกาหลี
, ญี่ปุ่น และ ไทย ไปแข่งขันที่งาน Battle of the year International 2007 ที่ เมือง Braunswiege 
ประเทศ Germany เป็นครั้งที่ 3 และได้ อันดับที่ 5 จาก 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ
ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทีมนี้เป็นแชมป์ประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 สมัยซ้อน
ทีมนี้มีชื่อว่า "Ground Scatter Crew"

นอกเหนือจากนั้นยังมีงานแข่งที่คนไทยเราไปแข่งมาแล้วชนะเลิศมาด้วยได้แก่
"Circle Prinz Japan 2010" ซึ่งบ้านเราได้เป็นทีมที่ถูกเชิญไปแล้วชนะกลับมา
โดยเป็นตัวแทนประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นไปแข่งขันต่อที่งาน "Circle Kingz 2010"
ที่เมือง Lausanne ประเทศ Switzerland และติด 1 ใน 8 ทีม อีกด้วย คือ
B-boy Cheno และ B-boy Gonza  จากทีม 99Flava crew





อันที่จริงแล้วประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ ขอให้ทุกท่านจดจำแต่สิ่งดีๆของมันและเดินรอยตามมัน
สิ่งไหนที่ไม่ดีที่ผิดพลาดก็เก็บไว้เตือนสติ ทุกๆคนที่เป็น B-boy ,B-girl ที่อยู่ที่นี้ล้วนสร้างประวัติศาสตร์
ไว้ให้กับคนรุ่นต่อๆไป ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถที่จะให้อะไรกับสังคมของเราและคนอื่นๆได้มากน้อยแค่
ไหนจากสิ่งที่เราเป็น คนทุกๆคนล้วนมีคุณค่าสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายไม่ใช่เพียงกลุ่มใด
หรือใครคนหนึ่ง เรามาช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ที่สวยงามและน่าจดจำให้กับโลกใบนี้กันเถอะครับ !





B-boy Cheno
99Flava,Ground Scatter

3 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับความรุ้ครับพี่ชินน

    ตอบลบ
  2. สุดยอดเลยนะชิน อ่านแล้วนึกถึงสมัยก่อนเลย อยากบอกว่าอีกหนึ่ง Legend ที่ทำให้ทุกวันนี้บีบอย culture แพร่หลายอย่างที่เราหวังในตอนเด็กๆ นั้นคือ "นายนะ บีบอยชีโน่" Good jobs Man!!! ,,Bboy Gatoex Spincontrol , 662

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณครับพี่กาีีร ไม่มีพี่ ไม่มีตาตั้ม ไม่มีพี่ๆคนอื่นๆก็ไม่มีผมทุกวันนี้
      ีรักและเคารพเสมอครับผม :)

      ลบ