สวัสดีครับท่านผู้อ่านช่วงนี้ผมเข้าวัดบ่อยเป็นพิเศษ แต่ไปช่วงเย็นๆเพราะเขามีทำวัดสวดมนต์
แล้วก็ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปทำได้ทุกวัน ผมก็ไปแจมกับเขามาด้วย
แรกๆไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากไปแล้วรู้สึกติดใจและมันทำให้อะไรๆหลายๆอย่างในชีวิตประจำวัน
ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วยวันนี้เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์หน่อยครับ
คนเราเกิดมาพร้อมกับความอยากที่ติดตัวมาตามสัญชาติญาณ หิว ง่วง คัน ขับถ่าย เหนื่อย
สิ่งเหล่านี้มาพร้อมเราแต่กำเนิด แต่เมื่อสมองของมนุษย์ได้พัฒนาสมองให้มีวิวัฒนาการ
ที่สูงขึ้นมาก็ เริ่มที่จะสร้างสิ่งต่างๆมาลดทอนอารมณ์เหล่านั้น ด้วยความคิดของตัวเอง
เริ่มจับกลุ่มกัน ทำสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น เริ่มเพาะปลูก สร้างบ้าน ฯลฯ จนกระทั่งความคิดเหล่านี้
ก่อตัวจนกลายมาเป็นสิ่งต่างๆ เป็นสังคมใหญ่ เป็นเมือง มีการใช้เงิน มีการนำทรัพยากรต่างๆ
มาใช้ เพื่อสนองร่างกาย จิตใจ และ ความคิด ของตนเอง
มนุษย์เราในยุคนี้เกิดมาก็ถูกสอนให้คิด ให้อ่าน ให้พูดตั้งแต่เล็กๆ เมื่อโตขึ้นก็ต้องไปเข้า
โรงเรียนเพื่อเรียนรู้ภาษาและการพูด รวมถึงการเข้าสังคมกับมนุษย์ด้วยกันตั้งแต่อนุบาล
คนเราสมัยนี้จึงไม่ชินกับการ "ไม่คิด" หรือการ "หยุดคิด" การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
เพราะเราอยู่ล้อมรอบไปด้วยความคิดและทัศนะคติที่ พุ่งเข้าใส่เราอยู่ตลอดเวลา การหยุด
คิดคือ การหลับสนิท หรือ ไม่ก็ตายไปเลย ดังนั้นมันเลยไม่ง่ายที่เราจะมาทำสิ่งเหล่านี้
การฝึกสติ คือการสอนให้เราฝึกหยุดคิด แต่ให้เรารู้สึกตามที่เป็นจริง ใช้สัญชาติญาณ
ตามจริง ไม่คิดต่อ ทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน และ ทำอะไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่การฝึกนั้นมันยากมากสำหรับผู้เริ่มต้น การจะให้คนเมืองคนหนึ่งมานั่งขัดสมาธิ หลับตา
แล้วนั่งดูลมหายใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะคนเมืองนั้นสบาย จึงขาดความอดทน เพราะ
มีสิ่งที่เพรียบสำหรับการระบายอารมณ์อยู่แล้ว แต่เมื่อปัญหาก่อตัว คนเรามักจะไม่สามารถ
ความสุขมาทดแทนได้ทันที กลับกันคนเราต้องการ การระบายและความสงบ ตรงจุดนี้
นั่นแหละที่ว่าทำไมเวลาเราอกหัีกถึงชอบไปทะเล อยู่เงียบๆ เพราะเราต้องการความสงบ
และความเป็นธรรมชาติตามสัญชาติญาณกลับคืนมา
ความคิดสร้างทุกสิ่ง สร้างคำว่า "ต้นไม้" ทั้งที่จริงๆมันไม่จำเป็นต้องมีชื่อแต่เราก็สัมผัสมัน
ได้ตามจริงว่ามันคืออะไร แม้แต่ความคิดที่ว่าเราเสียใจ เราก็คิดขึ้นเอง จากสิ่งที่เราเอามา
ผสมกันจนเป็นความคิดทั้งๆที่ ความทุกข์เหล่านี้ไม่ได้ควรที่จะเกิดขึ้นกับจิตใจเรา ไม่มีใคร
ตาย แค่คนรักจากไป แค่ความไม่คุ้นเคยเยือนเข้ามาในชีวิตทำให้ชีวิตรู้สึกไม่ปกติ เสียใจ
เป็นสิ่งที่เราคิดขึ้น แต่งเอาจากการหยิบเรื่องนั้น ผสมเรื่องนี้ เอาอดีตหลายๆฉากมาผสมจน
กลายเป็นละครที่เราเข้าไปเล่น แล้วเราก็คิดจริงๆว่าละครนั้นทำให้เราทุกข์จริงๆ การปรุงที่
แตกต่างของคนเราทำให้สุขและทุกข์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างไปด้วย ..
บางครั้งการหยุดความคิดเป็น เป็นเรื่องที่สมควรฝึกเมื่อเราหยุดมันได้มองเห็นปัจจุบัน ตามจริง
ไม่มองอดีตหรืออนาคต ทุกข์มันก็เกิดยาก ความคิดไม่ปรุงก็เหมือนพริกที่ไม่ได้เด็ดมาใส่
กับข้าว สีมันจะแดงสวยอยู่บนต้นจนกระทั่งมันเหี่ยวไปตามวาระของมัน ไม่มีพริกเม็ดไหนที่
เป็นอมตะหรอก ยังไงมันก็ต้องเหี่ยวและร่วงลงไป เช่นเดียวกับความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์
เช่นกัน
หยุดคิดได้ = หยุดทุกข์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น