วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จังหวะที่อยู่ภายใน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านพบกันอีกครั้ง เวลานี้ก็เข้าวันศุกร์แล้ว หวังว่าทุกท่านะจะสุขใจตามที่
วันเป็นกันนะครับ น้องๆหลายคนก็ปิดเทอมแล้วก็ คงได้ใช้เวลานี้ทำอะไรที่ตัวเองชอบ อาจจะ
ซ้อมเต้น แข่งเต้น ทำงาน หรือ เรียนอะไรที่ตัวเองชอบได้ซะที




วันนี้จะขอพูดถึงเรื่องของการเต้นกันบ้าง ศิลปะการเต้นเป็นศิลปะที่มีความอิสระอยู่ในตัวของมันเอง
บางครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวะเพลงเสมอไป ขึ้นอยู่กับตัวผู้เต้นด้วยว่าต้องการจะสื่อสารด้วยร่างกาย
ออกมาอย่างไร โดยมีอารมณ์ที่ต่อเนื่องจนสามารถพาคนดูไปถึงสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อสารได้นั่นเอง



นักเต้นที่มีทักษะพื้นฐานที่ดีและเริ่มเข้าใจในรูปแบบการเคลื่อนไหวของตัวเองแล้ว (style) จะเริ่มมีการ
พัฒนาทักษะอื่นๆที่นอกเหนือไปจากคำว่า "เทคนิค" (ความยากของท่า) แต่จะเริ่มหันไปพัฒนารูปแบบการเคลื่อนไหวที่เป็นของตัวเองแทน จนกระทั่งมี เทคนิค ใน style นั้นมาเพิ่มเป็นของแถม แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือการพัฒนาจังหวะที่อยู่ภายในตัวเองโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงเพลงอย่างเดียว ..



สิ่งที่ผมเขียนบางทีอาจจะดูงงนิดนึุง เพราะเราจะคิดว่าถ้าคนเต้นไม่ฟังเพลงแล้วจะเป็นการเต้นได้ยังไง ? การเต้นสื่อสารออกมาจากการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพลงเป็นแค่ตัวกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดการ
เคลื่อนไหวเหล่านั้น บางครั้งไม่จำเป็นต้องตรงกับจังหวะดนตรีตลอดเวลาก็ได้ การเต้นให้ตรง เก็บ
จังหวะอยู่ตลอดเป็นเรื่องน่าเบื่อ คุณจะเป็นผู้ที่ถูกเสียงดนตรีจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา ขาดอิสระในการ
เคลื่อนไหวเสมือนอยู่ในกรงขังที่มีทางเดินให้คุณเดินตามแต่ออกไปไหนไม่ได้ ถูกหลอกอยู่ในเขาวงกตนั้น ดังนั้นการที่เราออกมาจากกรอบของเพลงบ้างเป็นเรื่องที่ควรจะทำ เพราะคุณจะไม่ได้วิ่งตามดนตรีแต่คุณจะ เล่นกับเสียงดนตรี ที่แน่ๆเล่นได้กับทุกเสียงในจังหวะดนตรีเลยก็ว่าได้ เล่นกับเนื้อร้อง กีต้าร์ เบส เปียร์โน ทรัมเป็ต เป็นต้น ความสนุกจะมีมากขึ้น แม้แต่การออกแบบท่าเต้นก็จะมีความหลากหลายมากกว่าที่เป็นอยู่ สามารถปลดปล่อยความเป็นตัวของเราออกมาได้กว่าเดิม ไม่รู้สึกจำเจแม้จะเคยเต้นกับเพลงแบบเดิมๆ การรอจังหวะเพลงมันก็เหมือนเราเป็นปลาคอยเบ็ดยังไงอย่างงั้นเลย




เมื่อเราออกจากกรอบเดิมๆได้เราจะสามารถเต้นได้เป็นอิสระ จะเป็นผู้นำแทนผู้ตาม คาดเดาไม่ได้
ไม่ดูราบเรียบเวลาเต้น สนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น ในขณะนั้นเองเราจะสามารถพาคนที่ดูการเต้น
ของเราไปที่ไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ ให้เขารู้สึกงง หรือ ประหลาดใจก็ได้ ปล่อยจินตนาการได้
อย่างเต็มที่ไม่ต้องกลัวพลาด ไม่ต้องมานั่งรอเพลง หรือ กังวลกับท่าเต้นจนประสาท ให้หูมันทำงาน
ของมันไปอย่างอัตโนมัติ แล้วให้ร่างกายติดตามอารมณ์นั้นไป โดยมีความคิดเข้าไปเจียระไนอยู่เป็น
พักๆ การทำแบบนี้ผมเรียกมันว่า "การร่ายเวทย์มนต์" มันสามารถพลิกความคับขัน กลายเป็นเพชรได้ในเวลาปัจจุบันทันด่วน ไม่ได้อยู่กับอนาคตหรืออดีต แต่อยู่กับเราที่นี่เวลานี้ตรงนี้แบบทันที !





ท่านทั้งหลายอย่าได้กลัวที่จะเต้นผิดจังหวะหรือทำการมั่ว เพราะการมั่วคือยาวิเศษ มันเป็นหายนะ
ที่สร้างสรรค์ ด้วยความผิดพลาดพวกนั้นเราจะสามารถผลิตหลอดไฟแห่งปัญญาไ้ด้สว่างทันที 
เพราะเราไม่กลัวความผิดพลาด เราไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จะคิดแค่อย่างเดียวคือทำตอนนี้ แก้เดี๋ยวนี้ ต่อเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนเดี๋ยวนี้ ทำทุกอย่างตอนนี้เลย ไม่มีคำว่าสาย ไม่มีคำว่าพลาดมีแต่คำว่าไหลลื่น อารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย ไม่มีอะไรมาแทรกตรงกลาง ใช้พลังแฝงที่ตัวเองมีได้ แรกๆเราอาจจะรู้ึสึกว่ามันบ้าๆดูไม่สวยงาม บางครั้งความสวยงามของท่ามันไม่ได้อยู่ที่การมองของเราเสมอไป เพราะท่าบางท่าแม้มันจะไม่สวยแต่มันเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวของเรา ถ้า
เราไม่ชอบมันเราอาจจะใช้ความคิดของเรา ตัดแต่งมันบ้างแต่ทว่ามันไม่สามารถตัดแต่งให้ได้เหมือน
ที่เราต้องการตามวีดีโอการเต้นที่เราดูมา รูปแบบอาจจะใช่แต่อารมณ์การเต้นก็ไม่ใช่อยู่ดี ฉนั้นอย่า
ไปคิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นครับ มันเป็นธรรมชาติของมันแบบนั้นเอง ความพิเศษของเราอยู่ที่ตรงนั้น
แหละแต่แค่เราจะพัฒนาสิ่งนั้นให้มันสูงขึ้นได้ยังไง ตรงนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา



เมื่อเราเริ่มพอใจในรูปแบบที่เรามีแล้วการทำให้มันเติบโตก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเรามีจุดหมาย
ปลายทางเดียวคือพัฒนามัน ตัวเราจะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องพัฒนามันยังไง การทำซ้ำแม้มันจะน่าเบื่อและเหมือนไม่ได้ให้คำตอบแต่มันก็ตอบเราได้ในตัวของมันเอง และเราก็จะรู้ได้เองเมื่อมันบอกให้
เราไปทำอย่างอื่น พัฒนาอย่างอื่นเพื่อมาประกอบกับของเดิม ด้วยประสบการณ์ของเรามันจะบอก
ว่าเราต้องทำอะไรต่อ อะไรมาจุดประกาย เราระหว่างนั้น แล้วต้องใช้อะไร ฝึกอะไรเพิ่ม คิดอย่างเดียว
มันอาจจะไม่พอ ต้องอาศัยการทำจนมันรู้สึกชำนาญ มันก็จะรู้จักการแก้ปัญหาและมีความคล่องตัว ที่
คิดหาทางออกได้ทันท่วงที ส่งผลให้เรามีความมั่นใจ และ จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น






เมื่อเราทำลายกำแพงเรื่องเสียงดนตรีได้ พัฒนาการเคลื่อนไหวของร่างกายในแบบของเราได้
สิ่งที่เหลือก็คือ การทำตามใจตัวเอง อยากใส่อะไรลงไปก็ย่อมได้ เพราะเราไม่กลัว เราไม่อาย 
มีแต่คิดแค่ว่าวันนี้เราจะเล่นอะไรให้มันสนุกดี เพลงที่เราฟังถึงแม้มันจะห่วยเลวร้าย เราไม่ชอบ
ยังไงถ้าเรามีอารมณ์อยู่กับตัวเองมากพอเราก็สามารถที่จะขยับร่างกายผ่านจังหวะของเราเองได้ ..




อยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip-Hop และข่าวสารในวงการเต้น
B-boy ,B-girl , Freestyle และ Streetdance สนใจติดต่อเราเพื่อเรียนเต้นหรือจ้าง
งานกับทีมงานระดับมืออาชีพ ได้แชมป์จากในปละต่างประเทศมากมาย !


Free Soul Studio 
https://www.facebook.com/freesoulstudio/
http://www.FreeSoulStudio.com/

Jam On It Official Page 
https://www.facebook.com/JamOnItParty/

หรือติดตามข่าวสารจากตัวผู้เขียนด้วยการ
กด Follow หรือ กด Like ได้ที่นี่ครับ !
https://www.facebook.com/bboycheno99flava/
https://www.facebook.com/cheno.ninetynineflava/



*** สามารถฟังเพลง Funk Soul Oldschool Breakbeat ในเพลลิสของผมได้ครับ ;) ***

https://www.youtube.com/watch?v=hZpCrdU4iRY&list=PLIbVSuaC_0rxkmRoFBrHQOpaudnfDuGo5

4 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่แบ่งปันมาครับ ได้อะไรดีๆเยอะเลย
    นี่คือการเต้นของผมครับ
    http://www.youtube.com/watch?v=OM61JGZEW_I&feature=plcp
    ควรปรับตรงไหนอย่างไรในกระทู้ที่เขียน ช่วยบอกทีครับ

    ตอบลบ
  2. แล้วการแต่งตัวมีผล ทำให้ style ลื่นไหล สวยไม่สวยอย่างไรบ้างครับ

    ตอบลบ
  3. มันก็มีผลครับ เพราัะมันเกี่ยวข้องกับวิธีการเคลื่อนไหวร่างกายของเราโดยตรง
    เช่นว่าบางทีใส่กางเกงขาสั้น ก็จะเต้นอีกแบบ ขายาวก็จะสไลด์ได้ ถ้าใส่เสื้อแจ็คเก็ต
    ก็จะได้อีกอารมณ์อะไรแบบนี้มากกว่าครับ

    ตอบลบ