สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ผมเขียน Blog ดึกเป็นพิเศษ จริงๆก็นอนเช้า
อย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้วเนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยมีงานจะทำ 555 วันนี้เอาเรื่องเบาๆ
แล้วกันเนอะหนักมา 2 วันแล้ว
จริงๆแล้วเรากำลังทำอะไรอยู่หรอ ?
ทุกวันนี้ผมก็กำลังงงว่าชีวิตคนเรามันจะเอาอะไรมากมาย เกิดมา กินอยู่ ขับถ่าย สืบพันธุ์
แล้วก็นอน ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เอ หรือว่ามนุษย์เราฉลาดเกินไปเลยอยู่นิ่งๆไม่ค่อย
จะเป็น ต้องประดิษฐ์นุ่นสร้างนี่ เพื่อรองรับความคิดที่ตัวเองเชื่ออยู่ตลอดเวลา บางคนก็
เชื่อว่าเราจะอยู่สบายขึ้นหากมีสิ่งนั้น สิ่งนี้ หากมีระบบการจัดการที่ดีเราจะไม่ต้องปวดหัว
กับ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง เอาจริงๆแล้วผมว่ามนุษย์เราเพ้อเจ้อ เพราะสิ่งที่เราคิดที่เราทำ
มักสร้างปัญหาให้กับสิ่งอื่นๆเสมอ เราสบายถามว่าสบายจริงๆรึปล่าว ? ผมว่าไม่ คนเรามัน
ก็แค่เพ้อเจ้อไปวันๆ ถามว่าสงครามจะไม่เกิด โรคใหม่ๆ จะไม่มี ทุกคนจะเข้าใจกันเพราะ
มี internet เราจะทำอะไรได้ง่ายขึ้นเยอะ แต่มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเพ้อเจ้อหรอหรือ ?
เอาง่ายสมัยก่อน ทำไมต้องมียุคล่าอณานิคม ?
เพราะคนเราเพ้อเจ้อ คิดว่าตัวเองเก่งสามารถ ยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างได้ ยึดครองชีวิตผู้อื่น
ทรัพยากร ความคิด จิตใจ แต่เอาจริงๆ เมื่อเขาเข้าไปยึดแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้รากฐานความคิด
หรือชีวิตคนที่นั่นเปลี่ยนไปจากเดิมซักเท่าไหร่ คุณอาจจะบอกว่า เขาก็เจริญดีนิ่ แต่เจริญยังไงล่ะ ?
เขาเจริญในแบบของคนอีกกลุ่ม เจริญในด้านนั้นด้านนี้ เจริญยังไงก็ยัง ต้องกิน ต้องนอน
ต้องขับถ่าย ต้องสืบพันธุ์อยู่ดี ปฏิเสธไม่ได้ ถึงจะมีเตียงดีๆ เราก็ยังนอนเหมือนเดิม อาหารจะ
วิเศษยังไง เราก็ยังขับถ่ายของเสียอยู่เหมือนเดิม แม้แต่การสืบพันธุ์ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปมาก
จากสัตว์ทั่วๆไป สรุปคือคนเราเพ้อเจ้อกันมาเป็นหมื่นๆปีแล้ว !
ทุกอย่างเกิดขึ้นมาได้จากความคิดเพ้อเจ้อทั้งหลายของมนุษย์ คนดีก็บอกว่าคนนั้นเลว
คนไม่ดีก็บอกว่าคนดีนั้นเลว มันจะต่างอะไรกัน คนเราแค่เกิดมาแล้วก็เจอกันในความเพ้อ
ที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง อันที่จริงเราำพยายามที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก
ใบนี้แต่มันไม่สามารถทำได้ เพราะทุกอย่างมันมีการควบคุมด้วยตัวของมันเอง เราเป็นแค่
ส่วนหนึ่งที่ทำให้มันขับเคลื่อนไป มาก หรือ น้อย ทำลายมาก มันก็จะปรับสมดุลย์มาก
ไม่ทำลายเลยรักษามากไป ก็จะมีอีกสิ่งมาทำลายให้มันเกิดความพอดีในระบบธรรมชาติ
ด้วยความเพ้อเจ้อของมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใคร
หรืออะไรจะเอาชนะเราได้ เราพยายามควบคุม น้ำ ภูเขา ทะเล หรือ แม้แต่สภาพอากาศ
ควบคุมอย่างไรก็ไม่ได้ควบคุมได้จริงอยู่ดี พวกเรามันเพ้อเจ้อ พยายามควบคุมทุกคนให้
เป็นคนดีไม่สร้างปัญหาสุดท้ายแล้วกลายเป็น การพยายามควบคุมปัญหานั้นกลับกลายเป็น
ปัญหาซะเอง เพราะทุกสิ่งย่อมมีผลกระทบต่อเนื่องซึ่งกันและกัน
แล้วทำไมเราไม่หัดควบคุมความคิดของเราดูบ้างล่ะควบคุมตัวเองบ้าง !!!
ตรงนี้แหละผมว่าเราควบคุมได้ ถ้าเราควบคุมความเพ้อเจ้อของเราได้ เรารู้จักไม่คิด
เราจะมองเห็นโลกได้ชัดเจนกว่าที่เคยเป็น เข้าใจธรรมชาติได้มากกว่าที่เคยเป็น
มองเห็นชีวิตคนอื่นที่แตกต่างว่าไม่แตกต่าง ไม่แบ่งชาติ ศาสนา ชนชั้น วรรณะ
ถ้าเราควบคุมสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ผมเชื่อว่าเราจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงๆ
แม้มุมมองของบางคนอาจจะคิดว่าเราบ้า เราแตกต่่างแต่ เราเข้าใจ สิ่งที่เป็นไป
เข้าใจคนที่เขาเพ้อเจ้อคิดว่าเราบ้า ทุกคนผมว่ามันก็บ้ากันทั้งหมดนั่นแหละไม่มีใคร
ดำเนินชีวิตแบบปกติเลย มาจากความบ้าความเพ้อเจ้อล้วนๆ แล้วก็ทำลายหลายสิ่ง
หลายอย่างที่ไม่ควรจะทำลาย ถ้าเราเป็นคนบ้าอย่างที่เขาบอกเราก็เป็นคนบ้าที่ไม่
ได้เพ้อเจ้อไปกับ "โลกแห่งความเป็นจริง" (ของเขาและอีกหลายๆคน) ที่เขาเรียกมัน
ว่า "โลกแห่งความเป็นจริง" ก็เพราะมีคนบ้าหลายล้านคนมาร่วมกันบอกว่ามันคือ
ความจริง แต่ไอ้ที่เราอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ความเป็นจริงเราหลอกตัวเองล้วนๆ
คิดไปเอง บ้าไปเอง เพ้อเจ้อไปเอง คุณว่าผมพูดถูกรึป่าวครับ ? 555
โลกแห่งความเป็นจริงคือโลกที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของเรา เป็นโลกที่สวยงาม
เป็นโลกที่เราสัมผัสได้จริงๆ ไร้การคิด ไร้การคำนวน หรือ แม้แต่สร้างสรรค์
เห็นอะไรทำอะไรก็เป็นไปตามนั้น โลกแห่งความเป็นจริง คือโลกที่ควบคุมไม่ได้
ร่างกายเราเอง บางครั้งยังควบคุมไม่ได้เลย เรายังคง ต้องป่วย ต้องแก่
ฉนั้นสำหรับผมสิ่งพวกนี้แหละครับคือ " โลกแห่งความเป็นจริง " มันสะอาด
กว่าที่เราเห็น มันดีกว่าที่เราเป็น และเราไม่เคยสู้มันได้แม้สักครั้งเดียว ..
วันนี้ฟังผมเพ้อเจ้อมามากแล้วยังไงก็อยากให้่ท่านๆลองเก็บไปเพ้อเจ้อดู
เผื่อท่านไหนเห็นตรงกับผม ก็สามารถมาแชร์ประสบการณ์ความเพ้อเจ้อกัน
ได้ครับผม ขอให้สันติสุขจงมีแด่โลกและคนที่คุณรักทุกๆคนครับ
Peace & Love !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น